สิวสัญญาณโรคร้าย อันตรายกว่าที่คิด

0
369
image_pdfimage_printPrint

unnamed-file.jpg26

การสื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกจะต้องใช้ สีหน้า และแววตาในการสื่อออกมา แต่สุขภาพภายในร่างกาย ผิวหน้าเราก็สามารถบ่งบอกอาการได้เช่นกันกัน ถ้าหากเราสังเกตได้จะทำให้เราเข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดสิวบนใบหน้านั่นเอง สิว มักจะเกิดจากฮอร์โมนเพศที่ไม่สมดุล ร่วมกับการรับประทานอาหาร หวาน มัน การแพ้อาหาร หรือการแพ้ยา บางชนิด เช่น กลุ่มสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด และ การมีภาวะผิดปกติภายในร่างกาย
ซึ่งสิวจะมี 2 ประเภท คือ สิวฮอร์โมน ตามหลักแพทยแผนจีน หมายถึงการมีหยางในร่างกายเยอะเกินไป ซึ่งจะเกิดในช่วงวัยหนุ่มสาว อายุตั้งแต่ 15-25 ปี ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ เพราะเมื่อหยางมีมากเกินไปในร่างกาย ก็จะถูกขับออกมาตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้เกิดเป็นสิวขึ้นบริเวณแก้มสองข้าง หน้าผาก คอ และ หลัง เมื่อเริ่มใกล้ 25 ปี ก็ จะค่อยๆ หายไปเอง
สิวอักเสบ เกิดจากเซี่ยวเจียว หรืออาการของมดลูกที่เย็นเกินไป เป็นสิวอักเสบเรื้อรังที่สะท้อนถึงสุขภาพภายในของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงก่อนมีประจำเดือน สิวจะมีอาการรุนแรงมากกว่าปกติ ทั้งเจ็บ ทั้งบวมแดง โดยความรุนแรงอาจเป็นได้ตั้งแต่ตุ่มนูนแดง ไม่มีหัว เกิดซ้ำตรงบริเวณคางทุกครั้ง สาเหตุของสิวอักเสบ หรืออาการของมดลูกเย็น เกิดจากภายในร่างกายมีพลังหยินจำนวนมากอยู่ในร่างกาย รับประทานแต่ของที่เย็นมากเกินไป ภายในร่างกายเลยเย็นขึ้น ส่งผลให้เกิดประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดอาการถ่ายเหลว นั่นเอง
สิวอักเสบนี้รักษาให้หายได้ แต่หากเราเลือกรักษาสิวไม่ถูกวิธี และไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดการดื้อยา มีผลทำให้การรักษายากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ ซึ่งบางครั้งต้องรักษาจากภายในร่างกาย หากไม่ดูแลภายใน อาจจะอันตรายกลายเป็นโรคร้ายโดยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ โดยทางเลือกในการรักษาสิวมีมากมาย แต่วิธีที่เป็นธรรมชาติ ปลอดภัยและกำลังได้รับความสนใจในขณะนี้นั่นคือวิธีการฝังเข็มพร้อมกับสมุนไพรจีน
อาจารย์หยาง เผยเซินกล่าวว่า การฝังเข็มนั้น มีตั้งแต่สมัยก่อนคริสต์ศักราช ในยุค “ชุนชิว” (ก่อนปี ค.ศ. 2,100 – 476) ได้มีตำราการแพทย์จีนเล่มแรกเกิดขึ้นโดยไม่ทราบนามผู้แต่งคือ คัมภีร์ “หวงตี้เน่ย์จิง” ซึ่งในคัมภีร์ดังกล่าวมีการกล่าวถึง การรักษาโรคด้วยวิธีการฝังเข็มนอกจากจะกระตุ้นการไหลเวียนของลมปราณและเลือดแล้ว ยังขจัดเลือดลมที่ติดขัด ช่วยปรับการทำงานของอวัยวะภายใน ปรับความสมดุลของหยินและหยาง กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยปรับการทำงานของสารคัดหลั่งได้อีกด้วย ซึ่งจะมีผลต่อการรักษาโรค โดย ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่า การฝังเข็มนั่นจะทำให้เกิดการหลั่งสาร “แอนเดพฟาลีนและเอนดอร์ฟิน” ที่ช่วยระงับปวด และสาร “ออโตคอย” ที่ช่วยลดการอักเสบได้
ปัจจุบันได้นำการฝังเข็มมารักษาสิวด้วย ตามหลักแพทย์แผนจีนนั้นสิวเกิดจาก ปอดเกิดไฟ ซึ่งปอดเป็นอวัยวะที่เกิดไฟได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่มีรูปแบบพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ชอบนอนดึก ทานอาหารฟาสต์ฟู้ด และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่สะสมความเครียดภายในร่างกาย ก่อให้เกิดการสะสมไฟที่อวัยวะปอด (ฝังเข็มจุดเฟ่ยซู ซึ่งเป็นจุดสะท้อนอวัยวะปอด) ตำแหน่งของจุดเฟ่ยซูนั้นจะอยู่บนบริเวณแผ่นหลัง แต่ในบางคนอาจจะมีการเกิดไฟที่หัวใจ (ฝังเช็มจุดซินซู) หรือเกิดไฟในตับ (ฝังเข็มจุดกานซู) เป็นต้น นอกจากนี้ยังฝังเข็มจุดเทียนซู เพื่อช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่าย (ขับพิษออกทางอุจาระ) เมื่อเกิดการสะสมของไฟที่มากเกินปกติ จะทำให้กลายเป็นพิษและขับออกมาในรูปแบบของสิวบนใบหน้า ตามหลักนั้น การบำบัดสิวบนใบหน้าตามหลักการแพทย์แผนจีนนั้น จะใช้การฝังเข็มควบคู่กับยาสมุนไพรจีน เพราะเมื่อเราขับพิษออกโดยใช้วิธีการฝังเข็มแล้ว แต่ความร้อนภายในร่างกายยังอยู่สิ่งเดียวที่จะดับ “ความร้อนภายในร่างกาย” ได้ดีก็คือ การดื่มยาสมุนไพร หรือยาจีนเข้าไป โดยแพทย์แผนจีนจะมีให้เลือกหลายชนิด หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับอาการการเกิดสิวของแต่ละคนว่าเป็นสิวแบบไหน อวัยวะตรงไหนร้อน หมอจีนก็จะจัดยาสมุนไพรที่เหมาะสมกับเฉพาะคนนั้น ดังนั้นในคนที่เป็นสิว อาจจะได้รับยาจีนแต่ละขนานแตกต่างกัน โดยยาจีนจะมีทั้งชนิดเม็ดและชนิดห่อ โดยอาจจะรับประทานควบคู่ไปกับการฝังเข็ม เป็นต้น
อาจารย์หยาง เผยเซินเปิดเผยต่ออีกว่า การฝังเข็มที่ทานควบคู่กับสมุนไพรนั้น นอกจากจะช่วยบำบัดสิวได้แล้วนั้น ยังช่วยในเรื่องของ โรคภูมิแพ้ ไข้หวัด ปวดกระเพาะ โรคกระเพาะ ท้องผูก ท้องเสีย ลดน้ำหนัก เคล็ดขัดยอก ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ ปวดคอ ปวดหลัง ปวดเข่า ปวดข้อศอก รูมาตอยด์ หน้าเบี้ยว หน้ากระตุก นอนไม่หลับ อัมพฤกษ์ ฯลฯ เพราะฉะนั้นการรักษาด้วยวิธีการฝังเข็มจะใช้เวลาและจำนวนครั้งที่มากหรือน้อยเพียงใด ก็จะต้องขึ้นอยู่กับอาการเจ็บป่วย คนไข้ที่ต้องการเข้ารับการรักษา ควรปรึกษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการรักษานั่นเอง