แพทย์ศัลยกรรมความงามไทยจับมือร่วมกันประกาศศักยภาพ หวังดันไทยสู่ศูนย์กลางศัลยกรรมเอเชีย

0
220
image_pdfimage_printPrint

แพทย์ไทยประกาศความพร้อม จัดงาน Masterclass  Project :  Rhinoplasty ประชุมวิชาการเชิงปฎิบัติการให้กับแพทย์ด้านศัลยกรรมตกแต่งความงามกว่า 200  คน พร้อมสาธิตการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยการปลูกถ่ายไขมันในรูปแบบ live Surgery  เป็นครั้งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่  2 – 3 มีนาคม นี้ ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร ตั้งเป้าโชว์ฝีมือศัลยแพทย์ไทยเหนือชั้นเกาหลี     พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้สู่แพทย์รุ่นใหม่  หวังเตรียมพร้อมสู้ศึกแข่งขันตลาดความงาม คาดการณ์ตลาดศัลยกรรมยังขยายตัวต่อเนื่อง ผลจากปัจจัยหนุนจากการทำศัลยกรรมในเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มั่นใจดึงเม็ดเงินเข้าประเทศได้มหาศาล

นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์  เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า “ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 เชื่อว่าจะช่วยทำให้ตลาดธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้คนไข้ชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทยจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง          ในอาเซียนอย่างสิงค์โปร์ โดยไทยมีคนไข้ชาวต่างชาติต่อปี ประมาณ 1.4 ล้านคน ส่วนสิงค์โปร์            มีประมาณ 600,000 คน ซึ่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเอื้อให้ประเทศไทยมีตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอาเซียน ด้วยการเดินทางที่สะดวกขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศอินโดนีเซียที่ปัจจุบันมักใช้บริการอยู่ในมาเลเซียและสิงค์โปร์

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมเสริมความงามนานาชาติ ระบุว่าปริมาณการทำศัลยกรรมทั้งประเภทที่ต้องผ่าตัดและไม่ผ่าตัดนั้นในกลุ่มภูมิภาคเอเชียพบว่า จีนมีสัดส่วนการทำศัลยกรรมสูงสุด ตามด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน โดยไทยเป็นชาติเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดผลการ  จัดอันดับครั้งนี้ และคาดการณ์ว่าในปี 2556 จะขยายตัวต่อเนื่องโดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทำศัลยกรรมในเอเชียที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายหลังความต้องการทำศัลยกรรมตาสองชั้นและเสริมจมูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจับตาคือ ตลาดอาเซียนกลุ่มประเทศ CLMV หรือ กัมพูชา , ลาว  พม่า , เวียดนาม ที่หลั่งไหลเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์และความงามในไทย ด้วยจุดแข็งของบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยที่มีชื่อเสียงด้านการทำศัลยกรรมตกแต่ง ประกอบกับศักยภาพด้านท่องเที่ยวและบริการที่ยอดเยี่ยมของประเทศไทย ทำให้ผู้ที่เดินทางมารักษาตัวที่ไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวในราคาที่สมเหตุสมผล สร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับประเทศไทย ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ภาครัฐต้องตระหนักถึงความสำคัญและวางนโยบายเร่งด่วนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจศัลยกรรมความงามที่มีช่องทางเติบโตสูง ด้วยการสนับสนุนธุรกิจสุขภาพและ       ความงามในรูปแบบของทัวร์ศัลยกรรมทั้งระบบและร่วมผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง Surgical hub of Asia”

นายแพทย์สัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า “ในวันที่ 2 มีนาคมศกนี้ แพทยสภา ร่วมกับ สมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์ประเทศไทยจัดการประชุมวิชาการเชิงปฎิบัติการ  Masterclass Project : Rhinoplasty ขึ้นโดยเน้นเรื่องการให้ความรู้เกี่ยวกับศัลยกรรมเสริมจมูก โดยงานจะจัดขึ้นที่ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร  และในวันที่ 3  มีนาคม 2556  เป็นการจัดเวิร์คช้อปในรูปแบบ  live Surgery  ครั้งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดยจัดขึ้นที่ โรงพยาบาลไทยจักษุ ทั้งนี้เพื่อพัฒนาวงการแพทย์ไทยและประกาศ    ความพร้อมในการก้าวสู่ Surgical hub of Asia”

นายแพทย์ชลธิศ  สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกระแสความงามด้วยการศัลยกรรมตกแต่งว่า “เทรนด์ความงามแบบเกาหลียังคงอยู่ในกระแสของคนไทย ยิ่งปัจจุบันคลินิกความงามหลายแห่งชูจุดเด่นเฉพาะทางด้วยการผันตัวเองเป็นตัวแทนโรงพยาบาลเกาหลีเพื่อส่งลูกค้าไปทำศัลยกรรม ประกอบกับกระแสวัฒนธรรมเกาหลีที่แทรกซึมเข้ามาผ่านทางสื่อบันเทิง การท่องเที่ยว สินค้าและแฟชั่น จนกลายเป็นกระแสเกาหลีฟีเวอร์ไปทั่วภูมิภาค       ซึ่งกระแสดังกล่าวจะคงอยู่ในแวดวงศัลยกรรมตกแต่งนานแค่ไหนนั้น อยู่ที่การสนับสนุนของภาครัฐ    ด้วยเช่นกัน เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพความพร้อมด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ เครื่องมือที่ทันสมัย และค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับคุณภาพมาตรฐานในการรักษา        ที่ผู้ป่วยจะได้รับ  แต่จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภครู้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพความพร้อมในการก้าวสู่ผู้นำด้านศัลยกรรมตกแต่งในภูมิภาคเอเชีย จึงเกิดการรวมตัวกันของกลุ่มแพทย์คนไทยที่มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญการด้านศัลยกรรมความงามระดับ Master กว่า 30 ท่าน ร่วมกันจัดงานประชุมวิชาการเชิงปฎิบัติการขึ้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเซียที่สามารถระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมได้มากที่สุด โดยทุกท่านเป็นแพทย์ไทยที่มีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 20 – 30 ปี ทั้งนี้เพื่อร่วมกันประกาศศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางศัลยกรรมที่ดีที่สุดในโลก

ด้านการจัดประชุมวิชาการเชิงปฎิบัติการครั้งนี้ จะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ท่านให้กับแพทย์ด้านศัลยกรรมตกแต่งรุ่นใหม่กว่า 200 คน ซึ่งเป็นอนาคตของวงการศัลยกรรมตกแต่งของประเทศไทย พร้อมฝึกปฎิบัติจริงจากห้องผ่าตัด ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพแพทย์ไทยรุ่นใหม่ ให้มีทักษะฝีมือด้านการทำศัลยกรรมที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ พร้อมผลักดันให้ภาครัฐตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น Surgical  hub ของภูมิภาคเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ

“ เดิมสมาคมฯ ตั้งเป้าว่ามีแพทย์ลงทะเบียนเข้ารับการอบรมประมาณ 100 คน แต่ปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ขณะนี้มีแพทย์ให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมกว่า 200 คน โดยการประชุมวิชาการครั้งนี้จะเป็นการถ่ายทอดความรู้เรื่องศัลยกรรมเสริมจมูกแบบองค์รวม ตั้งแต่เรื่องกายวิภาค สัดส่วนใบหน้า การเสริมจมูกด้วยวิธีต่างๆ การตกแต่งจมูกวิธีต่างๆ การใช้ยาประเภทต่างๆ ไปจนถึงการเข้าห้องผ่าตัดเพื่อสาธิตให้แพทย์รุ่นใหม่ๆ ได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง พร้อมเคล็ดลับต่างๆ”

สำหรับหลักสูตรที่ถือเป็นไฮไลท์ของการอบรม คือ การเสริมจมูกด้วยการปลูกถ่ายไขมัน ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไทย อีกทั้งทำให้ได้ความงามที่เป็นธรรมชาติแต่ปัจจุบันแพทย์หลายคนนำไปประยุกต์ใช้กลับเกิดปัญหาไขมันไม่ติด  ดังนั้นภายในงานครั้งนี้จะเป็นการเผยเคล็ดลับครั้งสำคัญ พร้อมผลงานการวิจัยต่อยอดโดยการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในการปลูกถ่ายไขมัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

“ การจัดงานครั้งนี้ นับเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของแพทย์ไทยที่พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่ Surgical hub of Asia อย่างจริงจัง แต่จะสำเร็จเป็นรูปธรรมมากเพียงใดนั้นคงต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากหน่วยงานภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันประกาศความพร้อมว่าประเทศไทยก็ไม่แพ้ชาติไหนในโลก” นายแพทย์ชลธิศ กล่าวในท้ายที่สุด

—————————————————