รู้จักฟิลเลอร์…ระวังภัยอย่างไรก่อนฉีด

0
267
image_pdfimage_printPrint

ระวังภัย…ฟิลเลอร์ ตรวจสอบก่อนฉีด

หลังจากที่ตกเป็นข่าวดังทอร์คออฟเดอะทาวน์   สั่นสะเทือนวงการความงามของไทยกับประเด็นสาวพริตตี้ฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพกจนเสียชีวิต  ทำให้สังคมเกิดคำถามในสารที่เรียกว่าฟิลเลอร์ว่า เป็นสารชนิดใดและมีความปลอดภัยเพียงไร     รวมทั้งมีปัจจัยที่ต้องระวังก่อนที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจฉีดสารชนิดนี้

 

ฟิลเลอร์คืออะไรปลอดภัยจริงหรือ­

นพ.ทรงยศ จันทจิตร์  ศัลยแพทย์ตกแต่ง  แห่งยศยาคลินิก กล่าวว่า ฟิลเลอร์  คือสารที่นำมาฉีดเติมเต็มใต้ผิวหนัง  ปัจจุบันมีสารหลายชนิดที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ และถูกนำมาใช้มากที่สุดคือ สารไฮยาลูรอนิก แอสิด (Hyaluronic Acid) และการฉีดไขมันตนเอง (Fat Transfer)  ซึ่งสารไฮยาลูรอนิก เป็นที่ยอมรับและใช้กันแพร่หลายทั่วโลกมากกว่าสารอื่นๆ เพราะผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยจากคณะกรรมการอาหารและยาในการใช้ โดยการสังเคราะห์ไฮยาลูรอนิกนี้จะมีลักษณะโมเลกุลคล้ายกับสารไฮยาลูรอนิกในร่างกายมนุษย์ และเนื่องจากไม่ใช่เป็นคอลลาเจนที่ผลิตมาจากสัตว์ โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองมีน้อย โดยคุณสมบัติของสารไฮยาลูรอนิกมีอายุประมาณ 8-12 เดือน แล้วจะค่อยๆสลายไปตามธรรมชาติ โดยไม่มีร่องรอยใดๆทิ้งไว้   ซึ่งนับเป็นข้อดีของฟิลเลอร์เพราะหากมีข้อผิดพลาดหรือผู้ที่ฉีดไม่พอใจเมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์ที่ฉีดไว้ก็จะค่อยๆยุบตัวและหมดไปเอง

 

ฟิลเลอร์ปลอม…ตัวการความเสี่ยง

ปัจจุบันสาร Hyaluronic Acid หรือบางคนเรียกย่อๆว่า HA ถือว่าเป็นมาตรฐานในการฉีดฟิลเลอร์  มีความปลอดภัยสูงกว่าเมื่อเทียบกับสารตัวอื่นๆ  จะมีราคาสูงกว่าพอสมควร เพราะเหตุที่มีราคาค่อนข้างแพงนี้เองจึงทำให้คลินิกเถื่อนหรือหมอกระเป๋าซึ่งแข่งขันในด้านราคา จึงพยายามนำสารอย่างอื่นมาใช้แทน  ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก  สำหรับสารที่ต้องระวัง ได้แก่
1.สารไม่ปลอดเชื้อที่ห้ามใช้ทางการแพทย์  เช่น  ซิลิโคนเหลว พาราฟิน  หรือน้ำมันอื่น
2. สารที่ถูกผลิตมาใช้ฉีดอย่างปลอดเชื้อ มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับ Hyaluronic Acid เพราะเป็นเนื้อเจลใส หากดูด้วยตาไม่สามารถแยกจากสารHyaluronic Acid ได้เลย  จึงต้องระมัดระวังมาก เช่น  คอลลาเจนที่สังเคราะห์จากสัตว์  ,polyacrylamide , polyamide  หลายประเทศมีการนำมาฉีดอย่างแพร่หลายรวมทั้งตามคลินิกในเมืองไทย เพราะมีราคาถูกกว่าสาร HA หลายเท่าตัว  และยังคงทนอยู่นานถาวร  มีปัญหาแล้วสลายไม่ได้ สารเหล่านี้ไม่ผ่าน อย. เพราะความปลอดภัยไม่เพียงพอ  มีโอกาสเกิดปฏิกิริยากับผิวหนังได้สูง  สารทั้งสองประเภทนี้เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายซึ่งเป็นสารแปลกปลอมที่ร่างกายไม่ยอมรับ จะทำให้เกิดอาการบวมแดง อักเสบ เนื้อตายอย่างถาวร เกิดปัญหาไหลย้อย บิดเบี้ยว เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว  สารที่ว่านี้ยังไหลไปบริเวณข้างเคียงทำให้ผิดรูปร่าง  เกิดเป็นก้อนขรุขระหรืออาจไหลเลื่อนไปส่วนอื่นได้  สารอันตรายนี้จะอยู่ในร่างกายได้นานโดยไม่มีการสลายตัว   ไม่สามารถฉีดสลายได้เลยจึงทำให้แก้ไขได้ยากมาก

 

ตรวจสอบก่อนฉีด

 

หัวใจสำคัญที่ผู้บริโภคต้องคำนึงก่อนการฉีดฟิลเลอร์  ควรมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบมี 3 ประการคือ

 

1.      สารที่ฉีด ต้องแน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  ไม่ใช่สารอื่นที่หลอกว่าเป็นฟิลเลอร์ หรือเป็นฟิลเลอร์ราคาถูกที่มีขายตามเวปไซด์หรือนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เพราะเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หมดอายุ  ไม่ได้คุณภาพ และดูภายนอกอาจจะไม่แตกต่าง ต้องอาศัยความเขี่ยวขาญและความน่าเชื่อถืออื่นๆมาประกอบกัน

 

2.      คนฉีด เพราะการฉีดฟิลเลอร์จำเป็นอย่างมากที่แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ทางกายวิภาคอย่างเชี่ยวชาญ มีเทคนิคการฉีดต้องถูกต้องเหมาะสม มีการประเมินรูปร่างว่าบริเวณใดต้องฉีดมากน้อยเพียงใด และฉีดสารในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสม   เพราะเมื่อฉีดสารเข้าไปย่อมมีโอกาสเสี่ยงในการที่จะไปโดนเส้นเลือดหรือบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ นำมาซึ่งอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตหรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้

 

3.      สถานที่ฉีด ต้องฉีดในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย มีเครื่องมือช่วยชีวิตยามฉุกเฉิน

ฉีดฟิลเลอร์ส่วนไหนได้บ้าง

ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังมีคุณสมบัติเด่น 2 ประการคือ การเติมร่องริ้วรอยให้ตื้นขึ้น และ การเพิ่มปริมาตรเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆของร่างกาย  โดยการเติมร่องริ้วรอยทั้งร่องแก้ม ใต้ริมฝีปาก หัวคิ้ว และใต้ตาล่าง  ส่วนการฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรของเนื้อเยื่อจะช่วยในการปรับรูปร่างใบหน้าให้สวยเข้ารูปได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้นได้แก่ การฉีดเสริมจมูก คาง แก้ม ขมับ เป็นต้น  อย่างไรก็ตามในส่วนที่เป็นบริเวณกว้าง เช่น  สะโพกซึ่งมีพื้นที่มากไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ ด้วยข้อจำกัดด้านราคาของฟิลเลอร์ทำให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากหากฉีดในบริเวณกว้าง และโอกาสที่จะควบคุมให้ฟิลเลอร์คงรูปร่างตามที่ต้องการเป็นไปได้ยากเพราะพื้นที่เยอะ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกหลอกนำสารที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์จริงมาฉีดให้

 

เสริมสะโพกด้วยวิธีอื่นได้ผลดีกว่า

 

ผู้ที่อยากจะเสริมสะโพกแบบปลอดภัยมีทางเลือกอื่น

 

1.เสริมสะโพกโดยใช้แผ่นและถุงซิลิโคน ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐาน แต่ต้องทำโดยศัลยแพทย์ตกแต่งผู้มีความชำนาญ ใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน และมีแผลจากการผ่าตัด

 

2.เสริมสะโพกโดยใช้ไขมันตัวเอง (Fat Transfer) โดยดูดไขมันส่วนเกินจากหน้าท้องและต้นขา มาผสมกับเซลล์ต้นกำเนิด(เสต็มเซลล์) โดยผ่านกรรมวิธีด้านเทคนิคในห้องปฏิบัติการ แล้วฉีดกลับเข้าไปเสริมสะโพก  อย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังไม่แพร่หลายนัก  เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมากและต้องทำภายใต้การควบคุมในห้องปฏิบัติการเพื่อให้ปลอดเชื้อ  ที่สำคัญต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น  แต่ข้อดีคือไม่มีแผล และไขมันของตนเองไม่เป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ทำให้ไม่เป็นอันตราย ความเสี่ยงจึงมีน้อยกว่า  อย่างไรก็ตามไขมันที่ฉีดเข้าไปมีโอกาสฝ่อตัวลง 20-30% จึงอาจต้องกลับมาเติมใหม่เมื่อเวลาผ่านไป 3-6 เดือน  หรือมีโอกาสเกิดก้อนแข็งของไขมันที่ตายหลังทำได้

 

การฉีดหรือการนำพาสารแปลกปลอมอื่นเข้าไปในร่างกาย เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรให้ความตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงของการทำ ควบคู่ไปกับความสวยที่ต้องการ เมื่อตัดสินใจทำแล้วต้องคำนึงเสมอว่าต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สารหรือวัตถุที่นำเข้าไปในร่างกายต้องผ่านการรับรองความปลอดภัย โดยทำในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต อย่าลืมพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เป็นความสวยที่อยู่บนพื้นฐานของความเสี่ยงให้น้อยที่สุดนั่นเอง