มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ แรงจริงยอดขายมิถุนายนถึงสิงหาคมขยับขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งรถอีโคคาร์

0
301
image_pdfimage_printPrint

มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ แรงจริงยอดขายมิถุนายนถึงสิงหาคมขยับขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งรถอีโค คาร์   เพียง 5 เดือนกวาดยอดจองแล้วกว่า 36,000 คัน

13 กันยายน 2555; มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ปลื้มลูกค้าชื่นชอบในสมรรถนะและประสิทธิภาพ มิราจ ใหม่ ส่งขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งกลุ่มรถอีโค คาร์ ประจำเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนยอดจองรวม 5 เดือนสูงกว่า 36,000 คัน เร่งเพิ่มกำลังการผลิตรองรับตลาดโต ในขณะที่ยอดขายมิตซูบิชิรวมทุกรุ่นเดือนสิงหาคมทะลุ 1 หมื่นคันต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม

 

มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย ถึงกระแสการตอบรับรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ ว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างดีจากการแนะนำรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ ในเมืองไทย โดยในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาได้ขยับมาเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์อีโค คาร์ ด้วยยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 4,000 คัน และมีส่วนแบ่งทางการตลาดของรุ่นดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 30% ในขณะที่ยอดจองรวม ณ ปัจจุบันมีมากกว่า 36,000 คัน ซึ่งสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าแล้วประมาณ 13,000 คัน

 

“นับตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจใหม่ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่า มิราจ ใหม่ คือรถยนต์อีโค คาร์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าเห็นได้จากการมีตัวเลขยอดขายสูงสุดในกลุ่มรถยนต์อีโค คาร์ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยลูกค้าส่วนใหญ่พึงพอใจในความสะดวกสบาย การประหยัดน้ำมัน ความคุ้มค่าและความคล่องตัวในการขับขี่ของมิราจใหม่  ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่จะได้รับได้สิทธ์คืนภาษีรถยนต์คันแรกสูงสุดถึง 77,000 บาท ตลอดจนการจัดกิจกรรมโรดโชว์ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องทำให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้สามารถสอบถามและทดสอบสมรรถนะรวมทั้งเป็นเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ได้ง่ายขึ้น   ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทฯ สามารถผลิตรถมิตซูบิชิมิราจสำหรับตลาดประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4,000 คันต่อเดือน ทำให้ลูกค้าต้องรอรับรถประมาณ 4 เดือน สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ในขณะที่รุ่นเกียร์ธรรมดาจะได้รับรถเร็วกว่านั้นซึ่งเรากำลังพยายามจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 5,000-6,000 คันเพื่อรองรับกับยอดขายที่เติบโตขึ้นดังกล่าวแล้ว”

 

 “ในส่วนของการประกาศ เซอร์วิส แคมเปญ สำหรับรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ จำนวน 10,300 คัน หลังตรวจพบเกจ์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงในรถบางคันแสดงผลปริมาณน้ำมันคงเหลือคลาดเคลื่อนนั้น ตอนนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับลูกค้าซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเรียบร้อยได้ในเวลาอันใกล้นี้  ทั้งนี้ภายหลังจากการประกาศเซอร์วิสแคมเปญดังกล่าวไป ปรากฎว่าผลตอบรับกลับเป็นที่น่าพอใจ โดยลูกค้าพึงพอใจในการแสดงความรับผิดชอบและการดำเนินการแก้ไขของบริษัทฯ และไม่ได้มีผลกระทบกับกิจกรรมการขายหรือยอดจองแต่อย่างใดซึ่งผมต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่านที่ยังคงไว้วางใจและเชื่อมั่นในคุณภาพของรถยนต์ของมิตซูบิชิ รวมทั้งเห็นถึงความตั้งใจจริงของเราในการนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณภาพต่อผู้บริโภค”

“สำหรับกระแสการตอบรับรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มส่งออกไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาโดยเปิดรับจองรถรุ่นดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดขายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม โดย ณ วันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมานั้นปรากฎว่ามียอดจองสูงทั้งสิ้น 9,270 คัน และยอดขาย 1,792 คัน นับเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงการได้รับการยอมรับในคุณภาพของรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ที่ผลิตขึ้นจากฐานการผลิตในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี “

 

ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ เดือน เมษายน – สิงหาคม 2555

 

เดือน

จำนวน (คัน)

เมษายน

           162

พฤษภาคม

         1,694

มิถุนายน

         4,239

กรกฎาคม

         4,003

สิงหาคม

         3,899

รวม

       13,997

 

ทั้งนี้ มร. มูราฮาชิ ยังได้กล่าวเสริมถึงยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า มิตซูบิชิ มียอดขายรวมอยู่ที่ 11,653 คัน เติบโตขึ้น 77.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาและถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 10,000 คัน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน  โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งซึ่งได้แก่มิตซูบิชิ มิราจ  มิตซูบิชิแลนเซอร์ และมิตซูบิชิแลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มียอดขายรวมอยู่ที่ 4,131 คัน หรือเพิ่มขึ้น 580.6% จากปีก่อนซึ่งเป็นผลมาจากการแนะนำรถยนต์อีโค คาร์ มิราจ ใหม่ในปีนี้  ทั้งนี้หากพิจารณาจากสัดส่วนการขายรถยนต์ของบริษัทฯ จะเห็นได้ว่ามิตซูบิชิ มิราจใหม่ มีสัดส่วนการขายที่สูงถึง 33.46 % จึงถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักที่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์รวมของมิตซูบิชิ ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่รถกระบะ มิตซูบิชิไทรทัน มียอดขายอยู่ที่ 4,895 คัน หรือเพิ่มขึ้น 17.4% จากปีก่อน โดยปัจจุบันยอดจำหน่ายรถกระบะไทรทันได้เพิ่มขึ้นจากเดือนละ 4,000 คันมาเป็น 5,000 คัน และในปีนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้ตั้งเป้าจะเพิ่มยอดจำหน่ายของไทรทันขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของกลุ่มรถยนต์พีพีวี คือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต นั้น มียอดขายอยู่ที่ 2,627 คัน หรือเพิ่มขึ้น 45.6 % จากปีก่อน สะท้อนความต้องการรถปาเจโร สปอร์ต ในตลาดที่ยังคงสูงอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วยการแนะนำปาเจโร สปอร์ต เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร  6 สูบ MIVEC กับพละกำลังสูงสุด 219 แรงม้า สำหรับลูกค้าที่ชอบรถยนต์ที่มาพร้อมสมรรถนะและความสะดวกสบายครบครัน

 

 

 

 

 

 

ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิเดือนสิงหาคม

รุ่น

จำนวน (คัน)

สัดส่วนการขาย

ไทรทัน

4,895

42.01%

มิราจ ใหม่

3,899

33.46%

ปาเจโร สปอร์ต

2,627

22.54%

แลนเซอร์ อีเอ็กซ์

193

1.66%

แลนเซอร์ 1.6 ลิตร

39

0.33%

Total

11,653

100.0%

 

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมพร้อมทดลองขับ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ รวมทั้งรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นต่างๆ ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานของมิตซูบิชิทั้ง 168 แห่งทั่วประเทศ หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Mitsubishi Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009 ฟรี เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS หรือ โทร. 02-529-9500 ในวันจันทร์ – วันเสาร์ ระหว่างเวลา 8.30 – 17.00 น. หรือที่เว็บไซต์ www.mitsubishimotors-mirage.com