TK park ประกาศรางวัล Read Thailand ปี 2

0
245
image_pdfimage_printPrint

JPG1

TK park ประกาศรางวัล Read Thailand ปี 2
เชิดชูโรงเรียนส่งเสริมการอ่านดีเด่น นวัตกรรมใหม่สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น
…………………………..

จากความสำเร็จในการจุดประกายรักการอ่านเมื่อปี 2557 ในโครงการ “Read Thailand : อ่านเถิด…เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน” ในปีนี้สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park ยังคงผนึกกำลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เดินหน้าโครงการ “Read Thailand : อ่านเถิด…เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเกียรติบัตรและเงินรางวัลรวมมูลค่า 100,000 บาท

โครงการ Read Thailand : อ่านเถิด…เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน ปีที่ 2 นี้ มีโรงเรียนที่สมัครเข้าร่วมโครงการจากทุกสังกัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา 60 โรงเรียน และระดับมัธยมศึกษา 57 โรงเรียน ซึ่งทาง TK park ได้มุ่งสรรหาแผนงานและกระบวนการจัดการโครงการและกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านของนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น โดยมีโรงเรียนที่ได้รับรางวัลดังต่อไปนี้

รางวัลดีเด่นระดับประถมศึกษา ประเภทโรงเรียนขนาดเล็ก ได้แก่ โรงเรียนวัดทะเลปัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยนวัตกรรม “กิจกรรมสร้างสรรค์ปัญจวิธี”
รางวัลดีเด่นระดับประถมศึกษา ประเภทโรงเรียนขนาดกลาง ได้แก่ โรงเรียนชุมชนบ้านบ่อประดู่ จ. สงขลา ด้วยนวัตกรรม “1 C 4 R พัฒนาการอ่าน”
รางวัลดีเด่นระดับประถมศึกษา ประเภทโรงเรียนขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงเรียนศรีทักษิณ จ.นราธิวาส ด้วยนวัตกรรม “กวีสามบรรทัดพัฒนาการอ่าน”
รางวัลดีเด่นระดับมัธยมศึกษา ประเภทโรงเรียนขนาดเล็ก ได้แก่ โรงเรียนวังม่วงพิยาคม ด้วยนวัตกรรม “บันไดความรู้ บูรณาการผ่าน 4 ส สู่การอ่านที่ยั่งยืน”
รางวัลดีเด่นระดับมัธยมศึกษา ประเภทโรงเรียนขนาดกลาง ได้แก่ โรงเรียนขุนยวมวิทยา ด้วยนวัตกรรม “เจ้าฟ้านักอ่าน สานฝันเด็กดอย”
รางวัลดีเด่นระดับมัธยมศึกษา ประเภทโรงเรียนขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงเรียนบุญวัฒนา ด้วยนวัตกรรม “Boonwattana Reading For Fun”

นายราเมศ พรหมเย็น รักษาการรองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า โครงการ Read Thailand อ่านเถิด…เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่2 ติดต่อกัน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในปีนี้ได้ขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งทั้ง 30 โรงเรียนทั่วประเทศที่เข้ารอบสุดท้ายล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป

“โรงเรียนที่อยู่ติดกับชายแดนภาคต่างๆก็จะเน้นในเรื่องของการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนอ่าน เขียนภาษาไทยให้แตกฉาน อาทิ โรงเรียนที่แม่ฮ่องสอน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะมาจากชนเผ่าต่าง ๆ เช่น ไทยใหญ่ ม้ง กะเหรี่ยง ซึ่งทางผู้บริหารและครูเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการส่งเสริมการใช้ภาษาไทย ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้และการประกอบอาชีพตามที่เด็ก ๆ ฝันไว้ในอนาคต หรือโรงเรียนจากจังหวัดนราธิวาส ที่เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ใช้ภาษามาลายูเป็นหลักในการสื่อสาร ทำให้ทักษะการอ่าน เขียนภาษาไทยค่อนข้างอ่อน เด็กส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเนื้อหาแบบเรียนภาษาไทยมากนัก คำและเนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องไกลตัวเด็ก ส่งผลให้เด็กขาดความสนใจต่อการอ่านและการเขียนภาษาไทย จะอ่านเฉพาะคำสั้น ๆ ที่ตนเข้าใจและสนใจ ทางโรงเรียนจึงได้คิดกิจกรรมเพื่อจะทำให้เด็กหันมาสนใจเรียนเขียนอ่านภาษาไทยมากขึ้น”

ด้านนางภัทรียา จารงค์ อาจารย์จากโรงเรียนศรีทักษิณ จ.นราธิวาส ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทโรงเรียนประถมศึกษาขนาดใหญ่จากนวัตกรรม “กวีสามบรรทัดพัฒนาการอ่าน” เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนวัตกรรมกวีสามบรรทัดพัฒนาการอ่านที่ส่งเข้าประกวดนั้น ช่วยให้เด็กนักเรียนไทยมุสลิม สามารถอ่านหนังสือภาษาไทยออก นอกจากภาษามลายูที่ใช้ในชีวิตประจำวัน วิธีคิดของนวัตกรรมดังกล่าวจึงเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะให้เด็กๆอ่านออกเขียนได้ในเบื้องต้น

“เด็กๆไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน ปัญหาของพวกเขาคืออ่านหนังสือไม่ออก ซึ่งก็หาวิธีมาเยอะจนคุณครูชาตี สำราญ ที่เสนอให้ใช้บทกวีหรือความเรียง 3 บรรทัดเป็นเครื่องมือสื่อสาร เพราะเป็นการเล่นคำง่ายๆ เราจึงให้เด็กทั้งโรงเรียนตั้งแต่ ป.1 – ป.6 คน รวม 416 คนเข้าร่วมกิจกรรม ก็ต้องฝึกเด็กท่องพยัญชนะให้คล่อง แต่งประโยคให้เป็นก่อน และลองฝึกดู
ในช่วงแรกเด็กๆยังไม่คล่องในการใช้คำ เลยต้องจัดบรรยากาศให้ดูน่าศึกษาโดยมีกวีมาให้เด็กอ่าน ครูต้องขยันถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กคิด เพราะกวี 3 บรรทัดช่วยฝึกให้คิด ถ้าเขาเขียนไม่ได้ก็ให้เขาเขียนที่กระดานก่อนทำไปเรื่อยๆให้เขียน 1 บท ทุกวัน ซึ่งสุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี เด็กๆในโครงการอ่านหนังสือภาษาไทยได้ โดยเราใช้เวลา 1 ปีสำหรับโครงการนี้ ถือเป็นนวัตกรรมการอ่านที่ได้ผลมากที่สุดของโรงเรียนตั้งแต่จัดกิจกรรมมาเลยค่ะ”