สนามบินดาร์วินและอลิซสปริงส์ ประเดิมใช้เทคโนโลยี CT ในการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นแห่งแรกของออสเตรเลีย
Smiths Detection ประกาศในวันนี้ว่า ทางบริษัทได้คว้าสัญญาจากการท่าอากาศยานแห่งรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี (NT) ของออสเตรเลีย เพื่อเข้ามาติดตั้งระบบคัดกรองสัมภาระและผู้โดยสารขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ (Computed Tomography หรือ CT) ที่ท่าอากาศยานดาร์วินและอลิซสปริงส์ ความร่วมมือกับ Smiths Detection ครั้งนี้ทำให้ท่าอากาศยานนานาชาติดาร์วินและอลิซสปริงส์ เป็นสนามบินแรกของออสเตรเลียที่ประเดิมใช้เทคโนโลยี CT ในการตรวจสอบผู้โดยสาร
การท่าอากาศยานแห่งรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและบริการอื่น ๆ แก่ผู้โดยสารที่เดินทางผ่านสนามบินในสังกัด ทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เพราะมีความใกล้ชิดกับตลาดด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจของเอเชีย ขณะที่แวดวงทรัพยากรในรัฐเองก็มีความแข็งแกร่ง การท่าอากาศยานแห่งรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี มีเป้าหมายเพื่อทำให้มั่นใจว่า ความปลอดภัยของลูกค้าและความมั่นคงในภาพรวมนั้นยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่ง เป็นเหตุให้ทางการท่า มองหาพันธมิตรด้านความปลอดภัยที่ให้ความสำคัญกับทั้งความปลอดภัยและประสบการณ์ของผู้โดยสาร
เอียน คิว ซีอีโอของการท่าอากาศยานแห่งรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี กล่าวว่า “เราอยากให้ผู้โดยสารทุกท่านปลอดภัย สะดวกสบายมากขึ้นเมื่อต่อเครื่องที่สนามบินของเรา และเดินทางได้อย่างไร้กังวล โดยเรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอความเป็นเลิศ และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Smiths Detection ที่มีวิสัยทัศน์และยืนหยัดในสิ่งเดียวกับเรา”
โรเบิร์ต ฟิลลิปส์ หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยและวางแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินประจำการท่ารัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี กล่าวเสริมว่า “อุปกรณ์ใหม่ที่ตรวจสอบด้วยเทคโนโลยี CT นั้นเข้ามายกระดับศักยภาพ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้ถึงที่สุด สนามบินของเราจะเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ ไม่แพ้สนามบินอันดับต้น ๆ ทั่วโลก โดยสนามบินดาร์วินและอลิซสปริงส์จะเป็นสนามบินแรกของออสเตรเลีย ที่จะติดตั้งเทคโนโลยีสุดล้ำเหล่านี้ทั้งหมด เทคโนโลยีดังกล่าวไม่ได้เข้ามาช่วยลดงานให้กับเจ้าหน้าที่ที่ต้องลงมือตรวจกระเป๋าด้วยตนเองเพียงเท่านั้น แต่ยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ต้องผ่านจุดตรวจของเราด้วย”
Smiths Detection จะเข้ามาติดตั้งระบบ HI-SCAN 6040 CTiX ทั้งสิ้น 7 จุด ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบควบคู่ไปกับระบบคืนกระบะสัมภาระอัตโนมัติอย่าง iLane.evo เพื่อให้กระบวนการลำเลียงสัมภาระเป็นไปอย่างไหลลื่น ส่งผลให้ผู้โดยสารไร้กังวลเมื่อต้องเข้ากระบวนการตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังเตรียมติดตั้งระบบตรวจสอบสัมภาระโหลดขึ้นเครื่องอย่าง HI-SCAN 10080 XCT อีก 4 จุด ทั้งหมดนี้จะเข้ามายกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานแก่บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลความปลอดภัย
“Smiths Detection เข้าใจความต้องการที่แตกต่างกันของสนามบินต่าง ๆ และมีความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์และความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยอาศัยเทคโนโลยีสุดล้ำและความเชี่ยวชาญในระบบ CT” จอร์แดน ธรัปป์ กรรมการผู้จัดการประจำออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ของ Smiths Detection กล่าว “เรามีความยินดีอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับการท่ารัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เพื่อนำเสนอโซลูชันตรวจสอบความปลอดภัย ที่จะทำให้ผู้โดยสารสัมผัสประสบการณ์การเดินทางอันไหลลื่น”
ระบบ HI-SCAN 6040 CTiX ได้รับการรับรองทั้ง TSA AT-2 และ ECAC EDS CB C3 ขณะที่ระบบ HI-SCAN 10080 XCT ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในสหภาพยุโรป โดยได้รับการรับรองจาก ECAC ในฐานะระบบตรวจจับวัตถุระเบิดระดับ Standard 3.1 สำหรับสัมภาระโหลดขึ้นเครื่อง
ทั้งนี้ โครงการติดตั้งระบบดังกล่าวที่สนามบินดาร์วินและอลิซสปริงส์ มีกำหนดการส่งมอบภายในกลางปี 2563
เกี่ยวกับ Smiths Detection
Smiths Detection เป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบและตรวจจับภัยคุกคามสำหรับตลาดการบิน ท่าเรือและจุดผ่านแดน การป้องกันประเทศ และการรักษาความปลอดภัยในเขตเมือง ประสบการณ์จากการทดสอบภาคสนามกว่า 40 ปี ช่วยให้เราส่งมอบโซลูชันที่จำเป็นในการปกป้องสังคมจากภัยคุกคาม วัตถุระเบิดผิดกฎหมาย อาวุธต้องห้าม สินค้าเถื่อน สารเคมีอันตราย และสิ่งเสพติด
Smiths Detection เป็นหนึ่งในห้าธุรกิจภายในเครือของ Smiths Group ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน Smiths Group มีบุคลากรกว่า 23,000 รายในกว่า 50 ประเทศ โดยเป็นผู้นำระดับโลกในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในทางปฏิบัติ เพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการรองรับความต้องการในแวดวงการตรวจจับภัยคุกคามและสินค้าเถื่อน เครื่องมือแพทย์ พลังงาน และการสื่อสารทั่วโลก
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.smithsdetection.com
โลโก้ – https://photos.prnasia.com/prnh/20180918/2240685-1LOGO
