แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ชี้ทิศทางแรงงานภาคยานยนต์เติบโตรับกระแสความต้องการตลาดในประเทศ พร้อมมองถึงโอกาสความต้องการตลาดแรงงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคตไม่น้อยกว่าร้อยละ 30

0
225
image_pdfimage_printPrint

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ทำการสำรวจตลาดความต้องการของภาคอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ ในด้านของผู้ประกอบการทั้งในส่วนของธุรกิจกลุ่มยานยนต์ชั้นนำในประเทศ ผู้ประกอบการขนาดกลาง ผู้ประกอบการด้านชิ้นส่วนยานยนต์ มองถึงตลาดแรงงานในประเทศไทยของกลุ่มดังกล่าวจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น อันแปรผันกับกระแสเศรษฐกิจภายในประเทศ ณ ปัจจุบัน และกระแสของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคต ที่จะเห็นความต้องการแรงงานในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และยังต้องการแรงงานที่มีฝีมืออาศัยความชำนาญในด้านเฉพาะทางมากขึ้น รับกับการสร้างฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยในกลุ่มบริษัทฯต่างๆ ตลอดจนด้านรถยนต์มือสองที่จะเป็นตลาดใหญ่ในอนาคต

 

มร.ไซมอน แมททิวส์, ผู้จัดการประจำประเทศไทยและแถบตะวันออกกลาง แมนพาวเวอร์กรุ๊ป รับโอกาสทางด้านแรงงานกลุ่มภาคอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ของประเทศไทยในอนาคตเติบโตอย่างแน่นอนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 จากความต้องการในปัจจุบัน จากการที่เราทำงานในสายงานด้านแรงงานในประเทศไทยมากว่า 15 ปี จะเห็นถึงความต้องการตลาดด้านแรงงานในกลุ่มต่างๆ เป็นอย่างดี ซึ่งในปีนี้เราจะเห็นถึงกระแสในอนาคตของความต้องการในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตอันใกล้ 2 – 3 ปีนับจากนี้จะมีความต้องการมากยิ่งขึ้น อันดับแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือการปลุกกระแสในประเทศกับ รถยนต์คันแรก เมื่อตลาดมีความต้องการมาก ในอนาคตมักจะต้องการแรงงานที่มากขึ้นตามลำดับ ทั้งในส่วนของภายในสำนักงาน การซ่อมบำรุง งานบริการหลังการขาย ตลอดจนเกิดความเคยชินเมื่อมีการใช้ยานพาหนะเกิดขึ้นแล้วมักจะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นตอบโจทย์ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งวัดจากการเพิ่มปริมาณรถยนต์ในปีนี้คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 600,000 คันทั่วประเทศ ทั้งในส่วนของรถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะเห็นถึงความต้องการแรงงานที่จะไปรองรับกับปริมาณจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งแรงงานในกลุ่มนี้จากการที่ทำการสำรวจ ภาคธุรกิจต่างต้องการแรงงานที่มากขึ้น และต้องการแรงงานที่มีทักษะมีความรู้เฉพาะด้านอีกด้วย

 

มร.ไซมอน แมททิวส์ กล่าวอีกว่า แรงงานกลุ่มภาคอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ของประเทศไทยจะมีความต้องการเพิ่มอีกระดับ เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC โดยหากประเทศไทยมีการสนับสนุนและมีข้อกฎหมายที่ชัดเจนในการจัดตั้งโรงงานการผลิต การจัดจำหน่าย ด้วยโอกาสทางชัยภูมิของประเทศที่เปรียบเสมือนไข่แดงที่ติดกับประเทศต่างๆ อาทิ ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า มาเลเชีย และท่าเรือน้ำลึก หลายบริษัทด้านยานยนต์จึงมองถึงการมาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นความต้องการแรงงานก็เพิ่มมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ทั้งในกลุ่มสายการผลิต การประกอบรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งในปัจจุบันและในอนาคตกลุ่มบริษัท ผู้ประกอบการต่างยังต้องการแรงงานเข้าไปมีบทบาทในการทำงาน ซึ่งเครื่องจักรไม่สามารถดำเนินงานได้ โดยแรงงานในกลุ่มนี้ผู้ประกอบการจึงต้องการแรงงานที่มีฝีมือ ทักษะ ความรู้ เป็นอย่างสูงในการไปปฏิบัติงานในหน่วยงาน ซึ่งหากมองผลตอบแทนที่ผ่านมาแรงงานในกลุ่มนี้ได้ค่าแรงที่มากกว่า 300 บาทอยู่แล้ว และบริษัทฯ ในกลุ่มนี้ยังให้สวัสดิการที่คุ้มค่า เนื่องด้วยมูลค่าสินค้าค่อนข้างราคาสูง จึงเป็นกลุ่มแรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบในค่าแรงงานขั้นต่ำ หรือ 15,000 บาท อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น

 

“การเตรียมความพร้อมในด้านแรงงานในประเทศไทย เรามองถึงการพัฒนากลุ่มเยาวชนในกลุ่มสายอาชีวะศึกษา กลุ่มสายวิศวกรรมศาสตร์ ที่จะเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งในสายงานการบริหารงาน สายงานอาชีพทางด้านแรงงานที่มีทักษะ โดยกลุ่มบริษัทเหล่านี้ต่างมีความต้องการแรงงานที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปปฏิบัติงาน เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดในอนาคตที่จะเติบโตตามไปด้วย โดยกลุ่มผู้ประกอบด้านยานยนต์ในอนาคตจะเห็นถึงความชัดเจนอีกประการ คือ การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ กับการจำหน่ายรถยนต์มือสองคุณภาพดี และสถานประกอบการซ่อมบำรุงที่เป็นรูปแบบที่มากขึ้น ซึ่งในอนาคตเราเชื่อมั่นว่าจะเกิดการแข่งขันในตลาดยานยนต์ที่การบริการที่ดี ราคาถูก อุปกรณ์ เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโอกาสของประเทศไทยในด้านแรงงานฝีมือกลุ่มภาคอุตสาหกรรมยานยนต์จะเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแน่นอน ซึ่งหากเราสามารถผลักดันให้แรงงานในประเทศเป็นแรงงานที่มีฝีมือ ในอนาคตเราคงไม่กลัวแรงงานจากที่อื่นเข้ามาแทรกแซง อันจะเห็นได้จากที่ผ่านมานานาประเทศยังเห็นถึงศักยภาพแรงงานไทยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ และวันนี้หากเราไม่หยุดนิ่ง ยังคงส่งเสริม พัฒนาฝีมือแรงงานไทยในกลุ่มสายดังกล่าว เชื่อมั่นคงหากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแล้วแรงงานไทยยังคงไม่ตกงานอย่างแน่นอน”

 

มร.ไซมอน แมททิวส์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในวันนี้แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ยังได้จับมือภาคธุรกิจชั้นนำในกลุ่มยานยนต์ นำตำแหน่งงานที่เหมาะสมเข้าสู่กลุ่มนักศึกษา บัณฑิตที่กำลังจบการศึกษา โดยเรานำทั้งสองภาคส่วนเจอกันในวันนี้ แล้วทำการหาแนวร่วมถึงความต้องการที่แท้จริง เพื่อในอนาคตจะเป็นการลดช่องว่างของผู้ประกอบการ และแรงงานไทย ในการศึกษาและทำการสำรวจวันนี้เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถเป็นข้อมูลในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี เพื่อให้แรงงานไทยในสายอาชีวะ สายช่างยนต์ สายวิศวะ เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพตอบรับกับความต้องการของตลาดที่แท้จริง ซึ่งในปัจจุบันแรงงานในกลุ่มดังกล่าวเป็นที่ต้องการในแต่ละปีกว่า 200,000 – 300,000 คน ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศไทยยังติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดในโลกอีกด้วย วันนี้เราเชื่อมั่นในศักยภาพของแรงงานไทย หากได้รับการสนับสนุน ส่งเสริม พร้อมทั้งผลักดันในภาคการศึกษา ภาคเอกชนในประเทศ ให้แรงงานกลุ่มยานยนต์ไทยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศในอนาคต