เอ็กซ์พีเดียเผย 7 ใน 10 ชายหาดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเลือกพักผ่อนในวันหยุดมากที่สุด

0
309
image_pdfimage_printPrint

กรุงเทพฯ, 14 ธันวาคม 2560 – เอ็กซ์พีเดีย (Expedia.co.th®) เว็บไซต์บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์แบบครบวงจร ได้เปิดเผยรายงานผลสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวประจำปี 2560 ซึ่งเป็นผลงานวิจัยระดับโลกที่สำรวจความแตกต่างทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมการท่องเที่ยวชายหาด จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 15,000 คน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 ประเทศทั่วโลก ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นถึงความสนุกสนานที่จะไปเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุด รวมถึงจุดหมายปลายทางที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในแต่ละประเทศ นักท่องเที่ยวชาติใดที่ไม่นิยมสวม เครื่องแต่งกายท่องเที่ยวชายหาดมากที่สุด และอะไรเป็นพฤติกรรมต้องห้ามบนหาดทราย อีกทั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและพฤติกรรมที่น่าสนใจของพวกเขาขณะท่องเที่ยวชายหาด

นักท่องเที่ยวชาวไทยหลงรักผิวสีแทน
การเป็นพลเมืองในประเทศเขตร้อนและมีแดดจัดอย่างประเทศไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไทยชื่นชอบการเที่ยวพักผ่อน ชายหาด จากผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทย 852 คน ปรากฏว่าปีนี้คนไทยท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุดถึง ร้อยละ 95 และ ร้อยละ 73 ในปีที่ผ่านมา ในบรรดาผู้ที่ท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดทั้งหมดนั้น มีจำนวนร้อยละ 42 เดินทาง ไปท่องเที่ยวชายหาดมี่ต่างประเทศ ขณะที่ร้อยละ 58 ท่องเที่ยวภายในประเทศที่ตนพำนัก
สำหรับคนไทย จุดหมายปลายทางที่นิยมมากที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดคือการเที่ยวชายหาดในประเทศ ไทย ซึ่งชายหาดในประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวนิยมจำนวนมากถึง 7 ใน 10 (คิดเป็นร้อยละ 69) รองจากไทยคือ สิงคโปร์ ร้อย ละ17 ญี่ปุ่นร้อยละ16 ฮาวายร้อยละ 14 และออสเตรเลียร้อยละ 12 ขณะที่ข้อมูลการสำรวจนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่ว โลกที่เข้ามาท่องเที่ยวชายหาดในประเทศไทยนั้น มีจำนวนร้อยละ 12 และจำนวน 1 ใน 5 หรือ ร้อยละ 21 เป็นชาวเกาหลีใต้ ร้อยละ 17 เป็นชาวอินเดียและร้อยละ 15 เป็นชาวออสเตรเลีย
จากการศึกษาข้อมูลแสดงให้เห็นว่าคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของตนเองมากที่สุด อย่างไรก็ตามชายหาดในฝันยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงต้องการไปท่องเที่ยวมากที่สุด จากผลการศึกษาพบว่าคนไทยจำนวน 9 ใน 10 (ร้อยละ 92) มีรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวชายหาดในฝันไว้ในรายการอีกเพียบ โดยอันดับสูงสุดคือชายหาดไวกิกิ (Waikiki) ที่ฮาวาย ร้อยละ 49 ตามมาด้วย เซมินยัค (Seminyak) เกาะบาหลี ร้อยละ 32% อามัลฟี (Amalfi) ที่อิตาลี ร้อยละ16 และ พาราไดซ์ บีช (Paradise Beach) ร้อยละ 12

ช่วงเวลาดีๆ ที่ใช้ในวันหยุดพักผ่อน
แม้การเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุดแต่ละครั้งจะเริ่มขึ้นเร็วเท่าที่จะเริ่มได้ แต่นักเดินทางชาวไทยส่วนใหญ่ ยังแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขาต้องการใช้ระยะเวลาสั้นๆ ในการเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดแต่ละครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยชอบที่จะนั่งเครื่องบินครั้งละประมาณ 4 ชั่วโมง และใช้ยานพาหนะบนถนนเป็นเวลา 4.5 ชั่วโมง เท่านั้น นอกจากนี้คนไทยยังชอบที่จะขับรถและนั่งเครื่องบินใช้เวลาน้อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความตั้งใจที่จะเดินทางค่อนข้างน้อย แต่คนไทยจำนวน 1 ใน 10 (ร้อยละ 12) นั้นชอบการขับรถ และร้อยละ 10 ชอบใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินมากกว่า 9 ชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงยังชายหาดที่เขาปรารถนา
โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยใช้เวลาพักผ่อนชายหาดในวันหยุดประมาณ 5 วัน ซึ่งวันหยุดนานาชาติจะมากกว่าวันหยุดราชการเฉลี่ยประมาณ 6 วันและมากกว่า 4 วันตามลำดับ และมีคนไทยเพียงร้อยละ 12 ที่จะเดินทางท่องเที่ยวนานกว่าหนึ่งสัปดาห์

การตัดสินใจเดินทาง
เมื่อตัดสินใจเดินทางไปพักผ่อนชายหาด ปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดสำหรับคนไทย คือ เรื่องความปลอดภัยและความสะอาดของชายหาด ที่สูงถึงร้อยละ 96 ตามด้วยสภาพอากาศที่ดีร้อยละ 92 และงบประมาณในการเดินทางร้อยละ 88 ส่วน รีสอร์ทและกิจกรรมต่างๆ ของผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องสำคัญเพียง 2 ใน 3 หรือร้อยละ 66 ที่มีแนวโน้มว่าคนไทยให้ความสำคัญมากที่สุด (โดยเฉลี่ยทั่วโลกคิดเป็นร้อยละ 53) คนอินเดียให้ความสำคัญกับสื่อสังคมออนไลน์ในการตัดสินใจท่องเที่ยว ชายหาดสูงถึงร้อยละ 74 ส่วนคนไทยเป็นอันดับสองรองจากอินเดียมีจำนวนร้อยละ 69 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของคนทั่วโลกมี จำนวนร้อยละ 55 อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ คนไทยที่สนใจเรื่องการสถานที่ท่องเที่ยวชายหาดน้อยที่สุดส่วนมากเป็นคนโสด และมีจำนวนมากถึง 2 ใน 3 หรือ ร้อยละ 68 ที่มองว่าเรื่องนี้สำคัญน้อยที่สุด

นักเดินทางที่มีความสุข
คนไทยชื่นชอบการเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุด และจำนวนร้อยละ 97 พึงพอใจกับการท่องเที่ยวครั้งล่าสุดมากที่สุด และ มากกว่า 2 ใน 5 (ร้อยละ 43) พึงพอใจมาก ยิ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวนานๆ ยิ่งมีความพึงพอใจมาก ขึ้นเท่านั้น จำนวนมากกว่า 2 ใน 3 (ร้อยละ 65) ของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ใช้เวลาท่องเที่ยวนานกว่า 3 สัปดาห์ มีความพึง พอใจมากกว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมากกว่า 2 สัปดาห์ และ 1 สัปดาห์ มีจำนวนร้อยละ 62 และร้อย 46 ตามลำดับ
นักท่องเที่ยวชาวไทยค่อนข้างชื่นชอบและพึงพอใจในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดในต่างประเทศมากกว่าท่องเที่ยวใกล้ๆ บ้าน โดยในต่างประเทศมีจำนวนร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับในประเทศที่มีจำนวนร้อยละ 41 ที่สำคัญที่สุดคือคนไทยมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 54) พึงพอใจกับการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดที่ฮาวายอย่างมาก
ไม่ว่าพวกเขาจะเดินทางไปกับใคร คนไทยมากกว่าร้อยละ 95 พึงพอใจกับวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา อย่างไรก็ตามการเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวมีแนวโน้มว่าพวกเขาความสุขมากถึงร้อยละ 45 ซึ่งมากกว่าการเดินทางท่องเที่ยวกับคู่รักที่มีจำนวนร้อยละ 40

พักผ่อนชายหาดในวันหยุดอย่างคุ้มค่าที่สุด
นักท่องเที่ยวชาวไทยนั้นชอบปรนเปรอตนเองแต่ก็มีวิธีที่ชาญฉลาดมากๆ พวกเขาใช้เงินในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาด ในวันหยุดเมื่อครั้งล่าสุดด้วยงบประมาณเฉลี่ยมากกว่า 1,400 เหรียญสหรัฐ ขณะที่คนทั่วโลกเสียค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดต่ำสุดโดยเฉลี่ยมากกว่า 2,000 เหรียญสหรัฐ กลุ่มคนไทยที่อาวุโสเสียค่าใช้จ่ายในวันหยุดพักผ่อนชายหาดมากที่สุดถึง 2,000 เหรียญสหรัฐ โดยประมาณ เมื่อเทียบกับกลุ่ม Gen Y ที่มีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยมากกว่า 1,400 เหรียญสหรัฐ และ Gen X ใช้มากกว่า 1,100 เหรียญสหรัฐ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคู่รักใช้จ่ายในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดมากที่สุด ประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐ ตามด้วยนักเดินทางกลุ่มครอบครัวจะใช้จ่ายมากกว่า 1,500 เหรียญสหรัฐ ส่วนการท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ ดูเหมือนจะใช้จ่ายน้อยที่สุดที่ประมาณ 950 ซึ่งถูกกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นคนโสดที่ใช้จ่ายมากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐ

สิ่งที่น่ารำคาญ ความน่ากลัวและมารยาทของการท่องเที่ยวชายหาด
ความแตกต่างทางวัฒนธรรมส่งผลกระทบต่อทัศนคติและมารยาทในการเดินทางท่องเที่ยวชายหาด จากการศึกษาข้อมูล แสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวชาวหาดไทยมีความรู้สึกคล้ายกับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่น่า รำคาญ ความน่ากลัวและมารยาทที่ไม่พึงประสงค์
ชุดบิกินีสำหรับผู้หญิงนั้นถือเป็นเครื่องแต่งกายชายหาดที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยถึง ร้อยละ 88 ซึ่งมากขึ้นกว่าเครื่องแต่งกายชายหาดแบบอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ชุดว่ายน้ำแบบทูพีชสำหรับผู้หญิงยังเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางถึง ร้อยละ 83 จัดว่าเป็นเครื่องแต่งกายชายหาดที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดอันดับ 2 ตามด้วยชุดวายน้ำทูพีชสำหรับผู้ชาย ร้อยละ 77
จากผลการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเกือบทั้งหมดพบว่า อย่างน้อยลักษณะที่น่ารำคาญของนักท่องเที่ยวชาญหาดนั้นเป็นเรื่องโดยทั่วไป คนส่วนใหญ่มักจะรำคาญ “คนสกปรก” มากที่สุดถึง ร้อยละ 66 รองลงมาคือ “คนขี้เมา” ร้อยละ 55 และ “คนที่ชอบกอดจูบกัน” ร้อยละ 51 ซึ่งคนทั้ง 3 ประเภทนี้ สร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559

ความวิตกกังวลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อคิดถึงการไปเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุด คนไทยมักจะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมถึงร้อยละ 79 รองลงมาคือทรัพย์สินสูญหาย ร้อยละ 74 การจมน้ำหรือการกระแทกที่รุนแรง ร้อยละ 73 และถูกแมงกะพรุนหรือ ปลากระเบน ร้อยละ 73 ในขณะที่ร้อยละ 97 ของกลุ่มพ่อแม่ชาวไทยมีความวิตกกังวลเรื่องเกี่ยวกับลูกๆ ของตนขณะที่พักผ่อนชายหาด โดยความกังวลที่พบมากที่สุดคือเรื่องความเจ็บป่วยของลูก สูงถึงร้อยละ 68 รองลงมาคือการจมน้ำหรือถูกน้ำพัดหายไปร้อยละ 67 และถูกแมงกะพรุนร้อยละ 63 เปอร์เซ็นต์ ผู้ปกครองชาวไทยมีแนวโน้มว่าจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องความเจ็บป่วยของลูก ๆ มากที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับคนทั่วโลกที่มีความกังวลเรื่องนี้โดยเฉลี่ยร้อยละ 56

การเตรียมตัวไปพักผ่อนชายหาดในวันหยุด
นักท่องเที่ยวชาวไทยจะเริ่มใช้เวลาเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อไปพักผ่อนชายหาด โดยเฉลี่ยมากกว่าหนึ่งเดือนหรือประมาณ 36 วันก่อนออกเดินทาง ซึ่งใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง โดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวชาวไทยใช้เวลามากกว่า 9 ชั่วโมงและยินดีที่จะจ่ายเงินกว่า 80 เหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมในการ “เที่ยวชายหาด” จำนวน 2 ใน 5 หรือร้อยละ 40 ของนักท่องเที่ยวชาวไทยจะเก็บสัมภาระก่อนวันเดินทาง แต่มีจำนวนร้อยละ 14 ที่จะใช้เวลาจัดเตรียมสัมภาระมากกว่าจำนวนวันหยุดพักผ่อนจริงๆ ซะอีก
การจัดเตรียมสัมภาระมากเกินความจำเป็นนั้นปรากฏว่าเป็นความจริงของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะมีจำนวนถึง 4 ใน 5 หรือร้อยละ 83 โดยมีสัดส่วนจำนวนมากพอๆ กับรายการสิ่งของที่เกินความจำเป็น โดยจำนวน ร้อยละ 62 ยินดีที่จะลากถุงครีมกันแดดขนาดใหญ่ไปด้วยทุกที่ ร้อยละ 61 ยินดีที่จะนำแว่นตากันแดดหลายๆ คู่ไป และจำนวนร้อยละ 33 นำอุปกรณ์สำหรับนักว่ายน้ำไปจำนวนมากมายหลายคู่ การป้องแสงแดดจากดวงอาทิตย์นั้นปรากฏว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย จำนวน 9 ใน 10 หรือร้อยละ 89 จะต้องมีครีมกันแดดอย่างน้อยหนึ่งชิ้นในกระเป๋า

พฤติกรรมชายหาดโดยทั่วไป
กิจกรรมชายหาดของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นการเดินเล่นตามชายหาดหรือมักนิยมทำกันเป็นประจำ มีจำนวนร้อยละ 73 และยังครองอังดับสูงสุดของกิจกรรมบนชายหาดตั้งแต่ปี พ. ศ. 2560 การถ่ายภาพเซลฟี (Selfies) เป็นกิจกรรมที่คนไทยนิยมทำมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คนไทยมีแนวโน้มว่าเป็นกลุ่มคนที่ถ่ายภาพเซลฟีบนชายหาดมากที่สุดในโลก มีจำนวนถึงร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับคนทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีจำนวนร้อยละ 33 กิจกรรมที่พบบ่อยที่สุดอันดับ 3 คือการฟังเพลง ร้อยละ 50 และว่ายน้ำเป็นอันดับ 4 ร้อยละ 48 ตามด้วยโพสต์รูปถ่ายบนสื่อสังคมออนไลน์ร้อยละ 48 ส่วนการเล่นโยคะ ไทเก็ก การทำสมาธิ ร้อยละ 11 การเปลือยกายว่ายน้ำ ร้อยละ 12 และการอาบแดดร้อยละ 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง 3 ประเภทหลังนี้ เป็นกิจกรรมที่คนไทยทำค่อนข้างน้อยบนชายหาด

การแสดงความเจ้าชู้และความโรแมนติกบนชายหาด
กิจกรรมที่แสดงออกถึงความโรแมนติกที่คนไทยส่วนใหญ่ทำกันบนชายหาดคือ การเดินจูงมือเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกดิน มีจำนวนร้อยละ 65 และจำนวนมากกว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 28 คือการพูดคุยกับคนแปลกหน้า คนไทยส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีส่วนร่วมในกิจกรรมโรแมนติกบนชายหาดแบบอื่น ๆ มีคนไทยเพียงร้อยละ 14 ที่จะไปออกเดทกับคู่รัก และร้อยละ 13 เชิญชวนใครสักคนไปออกเดทด้วยกัน
คนไทยส่วนใหญ่คิดว่านักท่องเที่ยวชายหาดที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจมากที่สุด คือนักท่องเที่ยวจากฮาวายร้อยละ 59 รองลงมาคือออสเตรเลีย ร้อยละ 37 เปอร์เซ็นต์ บราซิลร้อยละ 17 แคลิฟอร์เนียร้อยละ 16 และฝรั่งเศส ร้อยละ 12
นายซิมอน ฟิเก้ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียของแบรนด์เอ็กซ์พีเดีย กล่าวว่า “ผลการศึกษาพบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าประเทศของตนนั้นมีข้อเสนออะไรบ้างเมื่อเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยวชายหาดในวันหยุด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในทิศทางบวก ด้วยเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวชายหาดยอดนิยมมากมายหลายแห่ง เช่น หาดพระนาง เกาะพีพี เกาะช้าง เกาะหลีเป๊ะ เกาะภูเก็ต เกาะสมุย หัวหินเกาะเต่า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องได้ทุกปี”
###

วิธีการสำรวจ
การศึกษานี้ได้ดำเนินการในนามของเอ็กซ์พีเดีย โดย Lonergan Research ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและให้คำปรึกษา การสำรวจนี้จัดทำขึ้นเป็นแบบออนไลน์ในเดือนพฤษภาคมปี พ. ศ. 2560 ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้และเอเชียแปซิฟิก โดยการศึกษาข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 15,363 คน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก บราซิล สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดียและไทย โครงการนี้ได้ดำเนินการในกลุ่มสมาชิกที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง โดยการสุ่มตัวอย่างแบบโควต้าและประมาณการถ่วงน้ำหนักกับกลุ่มตัวอย่างประชากรในทุกๆ ประเทศ ทั้งในด้านอายุและเพศ เพื่อยืนยันผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ

เกี่ยวกับบริษัท Lonergan Research
Lonergan Research เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการค้นคว้าวิจัยและให้คำปรึกษาแบบครบวงจร ครบถ้วนทั้งด้านปริมาณและกระบวนการที่มีคุณภาพเพื่อนำมาพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กรด้วยข้อมูลเชิงลึกและชัดเจน ทีมงานที่ดูแลด้านการสื่อสารและเนื้อหาของ Lonergan คิดค้นรูปแบบการทำงานเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับแบรนด์ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญด้านสื่อในการพัฒนาเนื้อหาเชิงลึกที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนแคมเปญการสื่อสารในเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ Lonergan ยังทำงานร่วมกับองค์กรและกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับการเดินทางและการท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีก FMCG กลุ่มเภสัชกรรม/การดูแลสุขภาพ ทั้งภาครัฐและภาคสนับสนุนอีกด้วย ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lonerganresearch.com.au

ข้อมูลเกี่ยวกับเอ็กซ์พีเดีย
Expedia.co.th® คือเว็บไซต์บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของโลกแบบครบวงจร ทั้งโรงแรมที่พัก กิจกรรมและการเดินทางท่องเที่ยวที่มีให้เลือกมากมายจากโรงแรมชั้นนำทั่วโลกที่มีมากกว่า 100,000 แห่ง รวมถึงทางเลือกของการค้นหาเที่ยวบินที่หลากหลาย ที่ Expedia.co.th® นักท่องเที่ยวสามารถจองทุกสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย สำหรับวันหยุดพักผ่อนไม่ว่าจะเป็นห้องพักในราคาที่ดีที่สุดกิจกรรมทุกประเภทและการบริการท่องเที่ยวเพื่อความพึงพอใจแก่ลูกค้า ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.expedia.co.th/ หรือใช้แอพพลิเคชั่นบนมือถือเพื่อทำการจองเที่ยวบิน โรงแรมหรือแพ็คเกจต่างๆ ที่คุณต้องการ
###