อินเทลจับมือแพลนฯ รณรงค์ผ่านหนังสั้น สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนหญิงเข้าถึงการศึกษาต่อเนื่อง

0
265
image_pdfimage_printPrint

บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย  จัดกิจกรรมรณรงค์สนับสนุนให้เด็กหญิงทั่วโลกเข้าถึงสิทธิทางการศึกษา อย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรม Community Theater” จัดฉายภาพยนต์สั้นชุด Girl Rising” ที่สร้างจากชีวประวัติของเด็กสาว 9 คนจาก 9 ประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา โดยจัดฉายในชุมชนแออัด หลังมหาวิทยาลัยจันทร์เกษม เพื่อสร้างความตระหนักให้แก่เยาวชนด้อยโอกาสในเรื่องความสำคัญของการศึกษา ซึ่งจะปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ภาพรวมตอนหนังฉาย

มิสเตอร์รัสเซล จอห์น แคมป์เบลล์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดภาพลักษณ์องค์กรประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับภาพยนตร์สั้นชุด Girl Rising” ได้รับความร่วมมือจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิเด็กจากหลายองค์กรและผลงานสร้างสรรค์จากผู้กำกับชื่อดังที่เคยได้รับการเสนอชื่ออคาเดมี่อวอร์ด จากภาพยนตร์เรื่อง “สลัม  บอมเบย์” และสื่อมวลชนที่ได้รับรางวัลในงานข่าวเชิงสารคดี รวม 10 คน นำเสนอเรื่องราวชีวิตของเด็กสาว 9 คนจาก 9 ประเทศ ที่มีความแตกต่างทั้งทางภาษาและวัฒธรรม แต่มีความฝันเดียวกัน คือการได้เรียนหนังสือ แต่ปัญหาและอุปสรรคจากทั้งน้ำมือมนุษย์ ความยากจน หรือแม้กระทั่งปัญหาที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ เป็นต้นตอให้เด็กสาวกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้

“ปัจจุบันปัญหาสังคมต่าง ๆ ที่เกิดจากการที่เยาวชนไม่เข้าถึงด้านการศึกษามีมากมาย อาทิ การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาการค้ามนุษย์  ฯลฯ ในส่วนของประเทศไทยแม้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงด้านการศึกษาอาจจะดูน้อยกว่าประเทศอื่นๆ แต่ก็ยังมีเด็กสาวอีกเป็นจำนวนมากที่ยังขาดสิทธิในการเรียนหนังสือในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายขึ้นไปจนถึงอุดมศึกษา โดยเฉพาะเด็กไร้สัญชาติเนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน องค์การ แพลน อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทยจึงร่วมกับบริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม Community Theater” ด้วยการจัดฉายภาพยนต์สั้นชุด Girl Rising” เพื่อรณรงค์ให้เด็กหญิงทั่วโลกเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้เน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มเยาวชนในชุมชนแออัด ที่มีสภาพแวดล้อมและปัญหาความยากจนที่ส่งผลให้เยาวชนส่วนใหญ่ขาดโอกาสด้านการศึกษาและการเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ ซึ่งนอกจากเด็กจะได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อเกิดความตระหนักในเรื่องการศึกษามากขึ้นแล้ว เรายังเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วมโดยแสดงความคิดเห็นหรือมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่  เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนำไปแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต่อไปอย่างจริงจัง เราคาดว่าในครั้งหน้าจะได้ขยายโอกาสไปยังกลุ่มเด็กชาวเขาในพื้นที่เป้าหมายต่อไป” นางมหา คูบาร์รูเบีย ผู้อำนวยการองค์การแพลน อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทยกล่าว

นอกจากภาพยนตร์สั้นชุด Girl Rising” จะนำมาจากชีวประวัติของเด็กสาว 9 คนจาก 9 ประเทศกับโอกาสทางการศึกษาที่ยังไม่สามารถเข้าถึง ยังนำเสนอเรื่อราวน่าสนใจของปัญหาของเด็กสาวจากประเทศอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบังคับการแต่งงานในวัยเด็ก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และมีอัตราการตายของเด็กทารกและแม่ค่อนข้างสูงเกือบ 60% อีกทั้งประเด็นปัญหาด้านแรงงานเด็กที่ไปเป็นทาสทำให้ขาดโอกาสในการเข้าถึงสิทธิต่างๆ หรือเรื่อราวในประเทศเฮติ ที่ถูกผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างวัลเลย์ เด็กหญิงชาวเฮติ วัยสิบขวบที่ไม่สามารถเรียนหนังสือได้ และต้องถูกอพยพไปอยู่ค่ายพักพิงชั่วคราว เมื่อโรงเรียนที่อาศัยเพิงไม้ชั่วคราวได้ให้นักเรียนกับไปเรียนหนังสือ แต่แม่ของเธอไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมและครูไม่อนุญาติให้เธอได้เรียนร่วมกับเพื่อนจนกว่าจะได้รับเงินค่าเล่าเรียน วัลเลย์ก็ไม่ย่อท้อในการไปโรงเรียนทุกวันจนกระทั่งเธอได้รับการยินยอมจากครูให้เรียนหนังสือได้

 

โดยภาพยนตร์ชุดนี้ได้เริ่มฉายกว่าร้อยแห่งในรัฐนิวยอร์กและลอสแองเจลลิสให้กับประชาชนทั่วไป และผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชน และได้ถูกนำฉายต่อในแถบเอเชีย คือประเทศมาเลเซียให้กับพนักงานบริษัทอินเทลฯ กว่าหนึ่งหมื่นคนได้ชมสารคดีชุดนี้ และประเทศไทยเป็นประเทศที่สามในการนำเสนอฉายที่โรงภาพยนตร์ สยามพารากอน ผู้สนใจสามารถชมตัวอย่างภาพยนต์สั้นชุด Girl Rising” ได้ทางเว็บไซต์ http://10x10act.org/10×10-the-film/

 

ทั้งนี้ องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทยยังมีผลวิจัยที่น่าสนใจในเรื่องของการเข้าถึงการศึกษาในกลุ่มเด็กหญิงชายในพื้นที่ทุรกันดารในจังหวัดเชียงราย โดยทำการวิจัยใน 4 โรงเรียนจากเด็กนักเรียนกว่า 500 คน พบว่า ปัญหาหลักใหญ่คือแนวโน้มของเด็กไร้สัญชาติมีสูงมากขึ้น และทำให้มีปัญหาในการออกนอกพื้นที่เพื่อหางานทำ หรือขอทุนเรียนหนังสือต่อในระดับอุดมศึกษา อีกทั้งครอบครัวยากจน ทำให้ต้องหันไปหางานทำที่ไม่ต้องมีบัตรประชาชนได้ เช่น ร้านคาราโอเกะ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อในการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือไปทำงานในไร่สวน แต่ได้ค่าแรงต่ำกว่าค่าแรงมาตราฐาน คือรายได้ต่อวันตกอยู่ที่ประมาณ 100-120 บาท ทำให้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ เกิดปัญหาสังคมในภายหลังได้ โดยจำนวนของคนไร้สัญชาติในประเทศไทยโดยประมาณนั้นมีสูงกว่าห้าแสนคน สองในสามจำนวนเป็นเด็กหญิงชาย ทำให้ปัญหาเรื่องคนไร้สัญชาติยังคงต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐอยู่

 

เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ทางด้านการศึกษาของอินเทล

ท่ามกลางโลกเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อินเทลได้ตระหนักถึงความสำคัญของพื้นฐานการศึกษาทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ รวมถึงการคิดเชิงวิพากษ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 ทั้งนี้ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา อินเทล และมูลนิธิอินเทล ได้ทุ่มเทงบประมาณมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมทั้งรวบรวมเงินบริจาคจากพนักงานอินเทลทั่วโลกอีกกว่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการสนับสนุนและพัฒนาการศึกษาในประเทศต่างๆ กว่า 60 ประเทศทั่วโลก

เกี่ยวกับอินเทล

อินเทลเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมการประมวลผลรวมทั้งการออกแบบ และสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานการพัฒนาอุปกรณ์ประมวลผลระดับโลก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินเทล สามารถเข้าชมได้ที่www.intel.com/pressroom , www.intel.com/th, blogs.intel.com, ทวิตเตอร์ @Intelthailand และ เฟสบุ๊ค IntelThailand Intel, และโลโก้ของ Intel เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ อินเทล คอร์ปอเรชั่น หรือสำนักงานสาขาในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ขอสงวนสิทธิ์

 

ชื่อและยี่ห้ออื่นๆอาจถูกอ้างอิงโดยถือเป็นทรัพย์สินของชื่อยี่ห้อนั้น *

 

องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)

 

องค์การแพลนฯ เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศที่ได้ดำเนินงานมากว่า 75 ปี โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะเห็นเด็กทุกคนบนโลกใบนี้เต็มไปด้วยศักยภาพในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี เราทำงานร่วมกับครอบครัว ชุมชน และภาครัฐทั้งในระดับท้องถิ่นและภูมิภาค เช่นเดียวกันกับองค์การพัฒนาเอกชนอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กทั้งหลายเหล่านี้สามารถได้รับสิทธิในการอยู่รอด ได้รับการปกป้องคุ้มครอง และได้รับการพัฒนาความเป็นอยู่ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องของพวกเขาด้วย เราได้ดำเนินงานในประเทศไทยกว่า 31 ปี  เริ่มต้นการทำงานในภาคอีสาน และได้ย้ายมาสู่ภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก รวมถึงภาคใต้ในจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ตในปัจจุบัน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านเราเน้นการทำงานในโครงการด้านการปกป้องคุ้มครอง ซึ่งรวมถึงโครงการการจดทะเบียนการเกิดและสถานะบุคคล โครงการการศึกษาเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โครงการการป้องกันด้านการเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ และโครงการพัฒนาศักยภาพ เป็นต้น