“อยุธยาซิตี้พาร์ค” เพิ่มพื้นที่โซนไอที-เทคโนโลยี รองรับการขยายตัวของตลาด สมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต ดึงขาใหญ่ร่วมเปิดร้านเพียบ

0
260
image_pdfimage_printPrint

“อยุธยาซิตี้พาร์ค” จับมือ “ซีเอสซี” และ “บานาน่าไอที” และแบรนด์ใหญ่อีกหลายราย เปิดพื้นที่โซนไอที-เทคโนโลยีเพิ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตที่โตแบบก้าวกระโดด ให้ทันกับตลาดที่กำลังเติบโตขึ้น และกำลังซื้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ปราณี

นางปราณี ด่านชัยวิโรจน์ กรรมการอำนวยการ ผู้บริหาร “อยุธยาซิตี้พาร์ค” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และภาคกลางตอนบน เปิดดำเนินการมากว่า 15 ปีเปิดเผยว่าจากการศึกษาตลาดพบว่า อุตสาหกรรมและธุรกิจไอทีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไอทีเข้ามามีบทบาทและถือเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ ภาครัฐเองก็มีนโยบายส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ไอที ส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างสินค้าในหมวดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจะมีการเติบโตค่อนข้างสูงแบบก้าวกระโดด โดยถ้าดูจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่มีแนวโน้มใช้งานเพื่อความบันเทิงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสมาร์ทโฟนราคาประหยัด แม้เรามีงบเพียง 3-5 พันบาท ก็สามารถเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนได้ ราคาที่ถูกลง นั่นเองจึงเป็นเหตุผลให้ทาง “อยุธยาซิตี้พาร์ค” ได้ขยายพื้นที่ในส่วนของร้านไอทีและเทเลคอมในศูนย์การค้าเพิ่มมากขึ้น ล่าสุด ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัทคอมพิวเตอร์ ซิสเท็ม คอนเน็คชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือร้าน ซีเอสซี (CSC)และ บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดผู้ค้าปลีกสินค้าไอทีภายใต้แบรนด์ บานาน่า ไอที (Banana IT) ร้านค้าปลีกสินค้าไอทีที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยและแบรนด์อื่น ๆ อีกมากเพื่อขยายสาขาและเพิ่มพื้นที่ภายใน อยุธยาซิตี้พาร์คสำหรับรองรับกับตลาดที่กำลังเติบโตขึ้น และกำลังซื้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายกฤชวัฒน์ วรวานิช รองประธานบริหารบริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดเผยว่า เราเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าไอทีภายใต้แบรนด์ บานาน่า ไอที ร้านค้าปลีกสินค้าไอทีที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมครบทุกความต้องการใช้งานสินค้าไอที ได้รับความไว้วางใจและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากซัพพลายเออร์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 500 รายที่คัดสรรมาจำหน่าย โดยมีสินค้าขายมากกว่า 10,000 รายการ ทั้ง โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ประกอบ (DIY) สินค้าแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ แก๊ตเจ็ด ในปัจจุบันมีร้านค้า 270 สาขาถึงสิ้นปีคาดว่า จะขยายสาขาได้ถึง 300 สาขา มีจุดเด่นคือ เน้นความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ซึ่งเรายอมทุ่มทุนกว่า 10 ล้านในการพัฒนาคอลล์เซ็นเตอร์ ศูนย์บริการหลังการขาย ลูกค้าสัมพันธ์เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ดูแลและให้บริการลูกค้าเสมือนหนึ่งเป็นญาติของเราเอง

บานาน่าไอทีถือว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาดไอทีในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาคู่กันกับทางอยุธยาซิตี้พาร์ค ตลาดที่นี่ถือว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีศักยภาพในการเติบโต สาขาในอยุธยาเราจัดเต็มสินค้า เพราะถือว่าเป็นเมนหลัก คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จะมีการซื้อซ้ำ และมีศักยภาพที่จะซื้อสินค้าได้หลายชนิด โดยใช้งบลงทุนประมาณ 5 ล้านบาทต่อสาขา การรีโนเวท เป็นสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาทำกิจกรรม มาแฮงก์เอาท์ เป็นจุดนัดพบแหล่งใหม่ในจังหวัดอยุธยา นอกเหนือจากไลฟ์สไตล์ในการช้อปปิ้งแล้ว อาจจะเห็นรูปแบบใหม่ในการแฮงก์เอาท์ การเอนเตอร์เทน เพราะโดยปกติเวลาห้างปิดแล้วก็ไม่รู้จะไปไหนกัน เป็นสิ่งที่ทางอยุธยาซิตี้พาร์คทำให้ไม่แพ้ในกรุงเทพฯ เชื่อว่าจะเป็นห้างที่โดดเด่นที่สุดในอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง น่าจะทำให้ตลาดคึกคัก

“พฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละโซน แต่ละพื้นที่จะไม่เหมือนกัน เราจะศึกษาจากพฤติกรรมของลูกค้า แล้วนำเสนอสินค้าที่ตอบสนองกับพฤติกรรมดังกล่าว กลุ่มลูกค้าของอยุธยาซิตี้พาร์คเองมีหลากหลาย ทั้งในกลุ่มของนิคมอุตสาหกรรม ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร ไปจนถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มลูกค้าครัวเรือนที่มีบ้านเรือนอยู่ในอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง ครอบคลุมไปจนถึงภาคกลางตอนบน โดยผมมองว่า อยุธยาซิตี้พาร์คมี magnet หลายจุด อย่างเช่น มีเทสโก้โลตัส โรบินสัน ตัวห้างตั้งอยู่ติดกับศูนย์ราชการ ริมถนนสายเอเชีย ผู้คนสัญจรผ่านไปผ่านมา นับเป็นจุดได้เปรียบเป็นอย่างมาก เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นทำเลศักยภาพที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก”

ด้านนายวงศ์สมรรถ สรรเพชุดาญาณ รองประธานบริหารบริษัท คอมพิวเตอร์ ซิสเท็ม คอนเน็คชั่น อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด หรือ ซีเอสซีได้ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า ตลาดในภาคกลางเป็นตลาดที่ใหญ่รองลงมาจากกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งใกล้กรุงเทพฯมาก การสื่อสารผ่านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ chat ทำให้คนไม่เฉพาะในประเทศ แต่เป็นคนทั่วโลกได้ติดต่อสื่อสารกัน ในส่วนของการขยายในปีนี้เองบริษัทฯเดินสายคุยกับหลาย ๆ ห้าง เพื่อขยายสาขาไปกับห้าง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่เรายังไม่เคยเปิดสาขาที่ไหนมาก่อน สาขาที่อยู่ถัดจากจังหวัดนี้ไปคือ ชัยนาท และสุพรรณบุรี(มี 3 สาขา) เราก็มองอยู่ที่จะขยายสาขาเข้ามาในจังหวัดนี้ โดยดูแล้วว่า “อยุธยาซิตี้พาร์ค” ก็เป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง ที่ทางซีเอสซีมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ โอกาสทางการตลาดที่เราจะเติบโตไปด้วยกัน จึงได้ตัดสินใจจอง 2 ห้องเลย โดยจะอยู่ที่ประมาณ 30ตารางเมตรและ 80-100 ตารางเมตรเพื่อขยายด้านการบริการในอนาคต โดยเราใช้แบรนด์ “CSC” ในการขยายสาขา ภายใต้คำนิยามว่า “เทคโนโลยีไร้ขีดจำกัด” โดยใช้งบลงทุนประมาณกว่า 2 ล้านบาท จากงบประมาณในการก่อสร้างและขยายสาขาภายในปีนี้ไว้ทั้งสิ้นที่ 100 ล้านบาท

“การปรับโฉมของอยุธยาซิตี้พาร์ค ค่อนข้างเป็นรูปโฉมที่ดูล้ำยุค ทันสมัย ไม่ได้เป็นแค่ห้าง พลาซ่า หรือดีพาร์ทเม้นสโตร์ แต่ดูแล้ว ให้ความรู้สึกเรื่องของความสบาย เป็นห้างรูปแบบใหม่ ที่มีรูปแบบของคอมมูนิตี้มอลล์ มาผสมผสานกันกับดีพาร์ทเม้นสโตร์ ทำให้คนที่เข้ามาเดินไม่ต้องเร่งรีบมาก เดินเล่นก็จริง แต่เดินได้ชิลล์ ๆ สบาย ๆ เดินได้ทั้งวัน ประกอบกับความพยายามในการสรรหาร้านมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่หลากหลาย ครบครัน ทั้งเทคโนโลยี แฟชั่น เครื่องประดับ และอีกหลาย ๆ สิ่งเพื่อมาตอบโจทย์ให้กับไลฟ์สไตล์ของคนที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อยุธยาเองเป็นจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ฉะนั้น เรื่องความเจริญ ความทันสมัยอะไรต่าง ๆไม่ได้แตกต่างจากกรุงเทพมากนักเราเชื่อว่า ไม่ได้ตอบสนองแค่เฉพาะคนในจังหวัดอยุธยาเท่านั้น จังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต้องมาแน่นอนอาจจะเลยไปถึงชัยนาด้วย ทั้งนี้ซีเอสซีพร้อมที่จะรองรับกับความต้องการด้านเทคโนโลยีที่จะเติบโตขึ้นอย่างเต็มที่เช่นกัน” รองประธานบริหารซีเอสซี กล่าวในที่สุด