สนามบินมุมไบแห่งใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Skidmore, Owings & Merrill เปิดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้

0
226
image_pdfimage_printPrint

มุมไบ, อินเดีย–13 ม.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

– สนามบิน GVK ChhatrapatiShivaji International Airport เทอร์มินัล 2

ได้รับการออกแบบเพื่อแสดงถึงอนาคตในเวทีโลกของอินเดีย ขณะที่แฝงไปด้วยมรดกอินเดียอันเก่าแก่

วันนี้ นายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ตลอดจนบรรดาผู้ทรงเกียรติและคณะตัวแทนจาก

GVK นักพัฒนาภาคเอกชน ร่วมเปิดทำการสนามบิน ChhatrapatiShivaji International Airport เทอร์มินัล 2

ศูนย์กลางทางอากาศยานแห่งใหม่อันตื่นตาตื่นใจ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Skidmore, Owings & Merrill

(SOM) ตั้งอยู่บนใจกลางเมืองหลวงทางการเงินของอินเดีย ศูนย์กลางแห่งใหม่นี้ได้เสริมพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้น

4.4 ล้านตารางฟุต เพื่อรองรับผู้โดยสารกว่า 40 ล้านคนต่อปี โดยเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน

ทั้งนี้ด้วยการผสมผสานเครือข่ายอันซับซ้อนระหว่างผู้โดยสารและเครื่องบินลงในดีไซน์ที่ไม่เหมือน

ใครและสามารถตอบสนองการขยายตัวในภูมิภาคที่กำลังพุ่งขึ้นเสมือนจรวด เทอร์มินัล 2

ใหม่เปิดทางสนามบินแห่งนี้กลายเป็นประตูสู่อินเดียอย่างเหนือชั้น

อีกทั้งตอกย้ำสถานะของอินเดียเพื่อเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก

นาย จี วี ซานเจย์ เร็ดดี้ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของ GVK Mumbai International Airport Pvt. Ltd.

(MIAL) กล่าวว่า “เทอร์มินัล 2 แห่งใหม่ที่ CSIA เป็นอนุสรณ์แห่งจิตวิญญาณอันงดงามของมุมไบและชาวมุมไบ

โดยเทอร์มินัลดังกล่าวจะทำให้สนามบิน CSIA กลายเป็นประตูสู่มุมไบและอินเดีย

ซึ่งให้การต้อนรับบรรดาผู้โดยสารจากต่างประเทศและในประเทศ เรามีความยินดีที่จะร่วมงานกับ SOM

ซึ่งช่วยให้ความฝันและวิสัยทัศน์เป็นความจริงได้”

เทอร์มินัลแห่งใหม่นี้มอบบริการให้แก่ผู้โดยสารจากต่างประเทศและในประเทศเบ็ดเสร็จในแห่งเดียว

ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในเทอร์มินัลให้มีความเหมาะสมและช่วยลดเวลาการเดินเท้าของผู้โดยสาร

โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบศาลาดั้งเดิมของอินเดีย เทอร์มินัลความสูงสี่ชั้นนั้นเป็นที่ตั้งของ headhouse

ขนาดใหญ่ หรือหอบังคับการกลาง ซึ่งตั้งอยู่บนอาคารท่าเทียบเครื่องบินย่อยๆที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน

ทั้งนี้ แทนที่จะจัดสรรการใช้งานของเทอร์มินัล อาคารเทียบเครื่องบินสมมาตรทั้งสามแห่งนั้นจะหันหน้าออกจากหอกลาง

ซึ่งทำให้สามารถ “สับเปลี่ยน” การให้บริการเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศได้อย่างง่ายดาย

นอกเหนือจากสถานะครั้งใหม่ในเวทีโลกและความไฮเทคของมุมไบแล้ว โครงสร้างอาคารแห่งใหม่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอาย

ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอินเดีย “เราได้ออกแบบสนามบินที่เชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมภายนอกด้วยความล้ำลึก”

นายโรเจอร์ ดัฟฟี่,FAIA, พาร์ทเนอร์การออกแบบจาก SOM กล่าว

“จากการผสมผสานรูปแบบและองค์ประกอบท้องถิ่นอย่างเหนือระดับ เทอร์มินัล 2

จึงสะท้อนถึงกลิ่นอายของพื้นที่และเป็นสัญลักษณ์ของอินเดียและมุมไบ” ตั้งแต่การออกแบบเพื่อเชื่อมต่อเสาบนหอกลาง

และพื้นที่บริเวณหลังคา ไปจนถึงบานหน้าต่าง jail อันปราณีตงดงามที่ช่วยกรองแสงเป็นจุดๆเข้ามาบริเวณท่าเทียบเครื่องบิน

ซึ่งช่วยให้เทอร์มินัล 2 สามารถแสดงศักยภาพการเป็นสนามบินทันสมัยอันเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายทางวัฒนธรรม

ประตูสู่อินเดีย

ผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศและในประเทศเดินทางมายังหอกลางของเทอร์มินัลบนชั้น 4

จากทางเดินยกระดับอันกว้างขวาง โดยเมื่อเดินทางถึงทางเข้าแล้วจะเจอทางแยกยาวไปเป็นขอบทางเดินกว้างขวาง

ตลอดจนพื้นที่จัดพิธีการส่งตามธรรมเนียมอินเดีย นอกจากนี้ ในเที่ยวบินขาเข้า จะมีเทอร์มินัลให้รองรับผู้โดยสาร

พร้อมหลังคาหอกลางที่แผ่ขยายไปตลอดแนวทางเดินผู้โดยสารขาเข้า

เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารและแขกต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนและมรสุมที่เหนือคาดการณ์ในเมือมุมไบ

และยังมีผนังกระจกขึงความสูง 50 ฟุต ซึ่งมีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดยาวไปตามพื้นที่เช็คอิน

โดยพื้นผิวกระจกอันโปร่งใสนั้นเปิดโอกาสให้ผู้ที่เดินทางมารับหรือส่งผู้โดยสาร

ซึ่งถูกกันไว้ให้อยู่ภายนอกเทอร์มินัลตามกฎข้อบังคับทางอากาศยานอินเดีย

สามารถเห็นเพื่อนๆและครอบครัวของพวกเขาเดินทางออกจากสนามบินได้

เมื่อได้เดินทางมายังบริเวณภายในแล้ว นักท่องเที่ยวจะพบกับโถงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสงสีอันอบอุ่น

ตั้งอยู่ภายใต้หลังคาที่แผ่ปกคลุมบริเวณกว้างขวาง

ซึ่งถูกค้ำโดยเสาค้ำความสูงเทียบตึกหลายชั้นโดยพื้นที่โอ่โถงดังกล่าวนั้นอยู่ใต้เสาค้ำที่กระจายตัวอยู่ 30

เสาด้วยกัน ซึ่งก่อให้เกิดพื้นที่บริการที่มีอากาศถ่ายเท พร้อมมีการตกแต่งลานภายในด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่น

อีกทั้งยังมีการตกแต่งด้วยแผนกลมขนาดเล็กและกระจกหลากสีสันภายในพื้นที่หลังคาด้านบน

เพื่อสร้างแสงสีให้กับพื้นที่ข้างล่าง ทั้งนี้ การเล่นสีสันดังกล่าวนั้นคล้ายกับสีบนตัวของนกยูง ซึ่งเป็นนกประจำชาติของอินเดีย

และยังเป็นสัญลักษณ์ของสนามบิน

เมื่อผ่านพื้นที่เช็คอินไปแล้วจะเจอกับศูนย์การค้าปลีก ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้โดยสารสามารถซื้อของ

รับประทานอาหารและดูเครื่องบินเทคเหิรขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ผ่านหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นถึงหลังคาสุดหรู

พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บนกลางแยกท่าเทียบเครื่องบินอันเป็นจุดกึ่งกลางของเทอร์มินัล

พลาซ่าเชิงพาณิชย์นี้เป็นศูนย์รวมกิจกรรมสำคัญซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงบริเวณเกทเทียบเครื่องบินต่างๆ

โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวและตลอดทั้งท่าเทียบเครื่องบิน

มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและลงรายละเอียดต่างๆซึ่งแฝงไปด้วยกลิ่นอายทางวัฒนธรรม เช่น

โคมไฟระย้าสั่งทำพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดอกบัว และผลงานกระจกโมเสคดั้งเดิมจากบรรดาศิลปินท้องถิ่น

เพื่อให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนและวัฒนธรรมที่อยู่เหนือพื้นที่สนามบิน

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะและวัตถุท้องถิ่นต่างๆบน Art Wall ความสูงหลายชั้นรับแสงสีจากหน้าต่างด้านบน

ทั้งนี้ การประยุกต์ใช้ศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น ประกอบกับการใช้สีโทนอบอุ่นและลักษณะการตกแต่งอันหรูหรา

ทำให้บรรยากาศในเทอร์มินัลสวยแปลกตา ซึ่งจะมอบประสบการณ์การเดินทางในสนามบินที่เหนือจินตนาการ

แม้ว่าเทอร์มินัลดังกล่าวจะมีความสูงถึง 4 ชั้น แต่ช่องแสงที่เชื่อมต่อระหว่างกัน อีกทั้งระบบแสงระหว่างชั้นทำให้มั่นใจได้ว่า

แสงจะส่องผ่านบริเวณชั้นล่างๆของอาคารได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะคอยบอกเวลาให้กับเมืองและพื้นที่ใกล้เคียง

โดยในช่วงก่อนค่ำ เทอร์มินัลนี้จะส่องแสงจากภายในเสมือนโคมระย้าที่ได้รับการออกแบบอย่างงดงาม

โครงสร้างยืดหยุ่นรองรับอนาคต

พื้นที่ก่อสร้างอาคารเทอร์มินัลใหม่นี้ตั้งอยู่ใกล้เคียงเทอร์มินัลเดิม

ซึ่งจำเป็นต้องคงการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบระหว่างการก่อสร้าง

ข้อบังคับดังกล่าวจึงสร้างแรงบันดาลใจจนเกิดแผนก่อสร้างเทอร์มินัลแบบตัว X แผ่ขยายออกไป

ซึ่งทำให้สามารถดำเนินการก่อสร้างรอบโครงสร้างเดิมได้

อีกทั้งยังสามารถรวบรวมการออกแบบส่วนนำเพาะเพื่อรองรับการก่อสร้างอันเร่งด่วนและมีหลายระยะ

นอกจากนี้ นวัตกรรมการออกแบบดังกล่าวยังเป็นการรวบรวมขั้นตอนการประมวลผล

จัดการกระเป๋าและฟังก์ชั่นการใช้งานในส่วนค้าปลีก/รับประทานอาหารไว้อย่างเบ็ดเสร็จภายในเทอร์มินัลเดียว

โดยในแต่ละชั้น

ท่าเทียบเครื่องบินที่ทอดยาวออกไปทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินจากจุดกึ่งกลางเทอร์มินัลไปยังพื้นที่บอร์ดดิ่งได้ในระยะเวลา

ที่สั้นที่สุด ขณะที่ปรับเพิ่มขนาดพื้นที่เทอร์มินัลสำหรับเกทเครื่องบิน

พื้นที่หลังคาของเทอร์มินัล ซึ่งนับว่าเป็นหลังคาที่ไม่มีข้อต่อขยายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ทำให้เทอร์มินัลมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โดยโครงสร้างเสาเหล็กค้ำคุณภาพสูงนั้นทำให้สามารถติดตั้งเสาความสูง

130 ฟุตจำนวนทั้งสิ้น 30 เสาได้ห่างกันพอสมควร เพื่อให้พื้นที่ดำเนินงานด้านล่างมีอากาศถ่ายเทสะดวก

พร้อมมอบความยืดหยุ่นสูงสุดในการจัดเคาท์เตอร์จำหน่ายตั๋วและสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินการอื่นๆตามความจำเป็

ศูนย์กลางแห่งการประหยัดพลังงาน

เทอร์มินัล 2 ใช้ระบบการติดตั้งกระจกคุณภาพสูงแบบ custom frit

เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพทางความร้อนที่เหมาะสมและช่วยลดแสงจ้า โดยแผงเหล็กเจาะรูบนผนัง

curtain wall ของเทอร์มินัลนั้นจะกรองแสงแดดจากมุมต่ำทางตะวันตกและตะวันออก

สร้างพื้นที่ที่มีแสงสบายตาให้กับผู้โดยสารที่กำลังรอเที่ยวบิน

และยังมีระบบควบคุมแสงธรรมชาติที่คอยปรับสมดุลระดับแสงภายนอกและภายในอาคารเพื่อประหยัดพลังงานอีกด้วย

นอกจากนี้

ช่องรับแรงบนหลังคาที่มีการติดตั้งอย่างเหมาะสมตลอดทั้งพื้นที่เช็คอินนั้นจะลดการใช้พลังงานภายในเทอร์มินัลถึง 23%

เทอร์มินัล 2 มีการใช้วัสดุและเทคโนโลยีสุดทันสมัยเพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด

แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะประกอบไปด้วยกลยุทธ์อันเหนือชั้น

ในการกำหนดมาตรฐานใหม่เพื่อสร้างดีไซน์สนามบินที่มีความยั่งยืนและทันสมัย

เทอร์มินัลนี้ยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และขนมธรรมเนียมของอินเดียและมุมไบ

อีกทั้งยังเป็นความสำเร็จในการออกแบบและเทคโนโลยีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สนามบิน ChhatrapatiShivaji

International Airport อันโดดเด่นในเมืองมุมไบ พร้อมเฉลิมฉลองมรดกทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของอินเดีย

และอนาคตของอินเดียในเวทีโลกที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เกี่ยวกับ Skidmore, Owings & Merrill LLP

Skidmore, Owings & Merrill LLP (SOM) เป็นหนึ่งในบริษัทรับออกแบบสถาปัตยกรรม วางผังเมือง

ตกแต่งภายใน และวิศกรรมชั้นนำของโลก ด้วยชื่อเสียงด้านการออกแบบมานานกว่า 75 ปี

รวมถึงผลงานมากมายซึ่งรวมถึงสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 และ 21 นับตั้งแต่ก่อตั้ง

SOM เป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีเฉพาะ กระบวนการใหม่ และแนวคิดนวัตกรรม

ซึ่งมีผลงานมากมายที่ชัดเจนและมีอิทธิพลต่อวงการการออกแบบและสภาพแวดล้อมโดยรวม

ความเป็นผู้นำอันยาวนานของบริษัทในเทคโนโลยีการออกแบบและการก่อสร้างได้รับการยกย่องด้วยรางวัลต่างๆ

กว่า 1,600 รางวัลสำหรับคุณภาพ นวัตกรรม และการบริหารจัดการ The American Institute of Architects

ได้ยกย่อง SOM ด้วยรางวัลสูงสุดถึงสองครั้งคือ Architecture Firm Award ในปี 1962 และอีกครั้งในปี 1996

บริษัทมีสำนักงานตั้งอยู่ในนิวยอร์กชิคาโก ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส วอชิงตันดีซี ลอนดอน ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ มุมไบ

และอาบูดาบี

(รูปภาพ:http://photos.prnewswire.com/prnh/20140110/CG44126)