แกนนำจากภาคประชาสังคมชายแดนใต้ร่วมกับสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดลสานต่อกิจกรรมเวทีอึด ฮึด ฟัง (เวทีสันติประชาธิปไตย) อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 8-9 ธันวาคม 2555 ณ โรงแรมอิมพีเรียล จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นเวทีในระดับภูมิภาคประจำภาคใต้ตอนล่าง ประกอบด้วยจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี สงขลา และยะลา ในประเด็น “เราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกเชียวหรือ…. ทำอย่างไรเราจะยอมรับตนเองที่ยอมรับความต่างได้เพื่อดับไฟการเมือง สู่การดับไฟใต้ตามวิถีประชาธิปไตย” โดยในงานมีกิจกรรมอันน่าสนใจ อาทิ ศิลปินมุสลิม-พุทธประจำท้องถิ่นร่วมเป็นวิทยากร การแสดงพื้นบ้านรำมโนราร่ายสร้างสรรค์ประชาธิปไตย ร่วมกับนิทรรศการศิลปะภาพเก่าในอดีตที่บ่งบอกถึงการเคยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และต่อด้วยการเปิดวงสานเสวนาพื้นที่ปลอดภัยในประเด็นดังกล่าว
จากการแบ่งกลุ่มย่อยสานเสวนา ได้มีการพูดถึงอดีตทั้งสิ่งผิดพลาดและสิ่งที่ปฏิบัติถูกต้อง อีกทั้งภาพอนาคตที่เป็นไปได้ในแต่ละประเด็น รวมไปถึงเป้าหมายที่ต้องการทำให้เกิดขึ้นจริง โดยมีประเด็นสำคัญร่วมกันต่างๆ ดังนี้
- การศึกษาเพื่อพลเมือง
- ความยุติธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชน
- การกระจายอำนาจ และความมั่นคง
- เศรษฐกิจ และการจัดสรรทรัพยากร
- รัฐธรรมนูญ
- การต่างประเทศ และอาเซียน
นอกเหนือจากประเด็นสำคัญดังกล่าวแล้ว เวทีอึด ฮึด ฟัง ในครั้งนี้ ทุกฝ่ายมีความเห็นพ้องกันให้แบ่งเวลาในการปฏิบัติศาสนกิจระหว่างกิจกรรมต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในวิถีมุสลิม การที่คนพื้นที่ให้ความสำคัญของการเข้าใจสภาพปัญหาในพื้นที่ของตนอย่างถ่องแท้ และแนวคิดที่นำไปสู่สันติโดยการร่วมกันคิดและทำระหว่างชาวมุสลิม-พุทธ ทั้งนี้ผู้ประสานงาน นายอัศวมันต์ บินยูโซะ และเครือข่ายภาคใต้ตอนล่าง ยังได้กล่าวย้ำเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า “การรวมกลุ่มกันคือพลังของสังคม เรายังมีความหวัง เราจะอยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างทางความคิด เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย และใช้สื่อเพื่อนำเสนอสิ่งที่ดำเนินการที่ผ่านมา”
อนึ่ง “โครงการเวทีสันติประชาธิปไตย” (อึด ฮึด ฟัง) นำโดย รศ.ดร.โคทม อารียา จากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมงาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ผ่านโครงการสะพานเสริมสร้างประชาธิปไตย (SAPAN) โครงการเวทีสันติประชาธิปไตย (อึด ฮึด ฟัง) เป็นกิจกรรมต่อเนื่องระยะยาวตลอดปี พ.ศ. 2555 ทั้งในกรุงเทพฯ และ 6 จังหวัดนำร่องได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช และนราธิวาส ซึ่งได้เชิญประชาชนในจังหวัดใกล้เคียงในแต่ละพื้นที่กว่า 24 จังหวัดเครือข่าย เข้าร่วมสานเสวนาในแต่ละเวทีเพื่อสานสัมพันธ์และหาทางออกร่วมกันอย่างเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงภาพรวมของประเทศด้วย
