เปิดฉากงาน BIFF & BIL 2014 เวทีการค้าแฟชั่นและเครื่องหนังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน วันที่ 12 – 16 มีนาคมนี้ ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ยกระดับสู่งานแสดงสินค้านานาชาติ ระดมผู้ประกอบการร่วมโชว์ศักยภาพกว่า 700 คูหา เผยมั่นใจว่าเหตุการณ์บ้านเมืองไม่กระทบยอดผู้ซื้อทั้งไทยและเทศที่ยืนยันตอบรับ ร่วมเจรจาการค้าแล้วกว่า 800 ราย คาดปีนี้มีผู้สนใจร่วมงานตลอด 5 วัน ถึง 30,000 ราย สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1,200 ล้านบาท ผลักดันภาพรวมส่งออกสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังปีนี้เติบโตกว่าร้อยละ 5
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังไทยถือเป็นสินค้าส่งออกที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของประเทศเนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพแข็งแกร่งและครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ อีกทั้งผู้ประกอบการไทยก็มีประสบการณ์และความชำนาญเป็นที่เชื่อมั่นของผู้ซื้อต่างชาติ ส่งผลให้ในปี 2556 ไทยมีการส่งออกสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังรวมกันประมาณ 9,223ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ในปีนี้คาดว่าภาพรวมการส่งออกของสินค้ากลุ่มนี้จะขยายตัวร้อยละ 5 หรือมีมูลค่าประมาณ 9,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ก็จะยิ่งทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่น และเครื่องหนังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้า ในภูมิภาคอาเซียนค่อนข้างมาก
“พาณิชย์เล็งเห็นโอกาสในการผลักดันตลาดสินค้าสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง รวมถึงเส้นใยและวัตถุดิบไทยให้ก้าวสู่ตลาดโลก ด้วยการเดินหน้าจัดงาน BIFF & BIL อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 32 โดยความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับ 14 สถาบันและสมาคมในอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังเพื่อเผยแพร่ศักยภาพอย่างครบวงจรธุรกิจส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการค้า และเป็นเวทีโชว์นวัตกรรมทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นเส้นใยธรรมชาติเส้นใยคุณภาพสูง หนังน้ำหนักเบา รวมถึงกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางวัตถุดิบ การผลิต การตลาดและการค้าแฟชั่นและเครื่องหนังในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย”ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงการจัดงาน BIFF&BIL 2014 ภายใต้แนวคิด STYLE+DESIGN ASEAN เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังในอาเซียน โดยแบ่งการจัดงานเป็น 2 ช่วง คือ วันเจรจาธุรกิจ 12 – 14 มีนาคม เวลา 10.00 – 18.00 น. และวันจำหน่ายปลีก 15 – 16 มีนาคม เวลา 10.00 – 21.00 น. ภายในงานได้รวบรวมสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังจากผู้ประกอบการชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน ยุโรปและสหรัฐอเมริกา นำมาแสดงและจำหน่ายกว่า 700 คูหา แบ่งพื้นที่ออกเป็นหมวดหมู่ด้วยแนวคิด
Fair-in-Fair ประกอบด้วย สินค้าสิ่งทอ (Textile) เครื่องนุ่งห่ม (Apparel) เครื่องประดับแฟชั่น (Fashion Accessories) เครื่องหนัง (Leather Goods) รองเท้า (Footwear) หนังฟอกสำเร็จ (Tanned Leather) ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและหนังสัตว์ที่มีเอกลักษณ์หรือลวดลายเฉพาะตัว (Thai Exotic) ดีไซเนอร์ (Designer) และสินค้าแบรนด์จากต่างประเทศ (International Zone)
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษเพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจ อาทิ Designers’ Room จัดแสดงผลงานการออกแบบของ 30 ดีไซเนอร์ไทยจากโครงการสร้างนักออกแบบสินค้าแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลก การแสดงผลงานผลิตภัณฑ์แฟชั่น ที่ผ่านการพัฒนาการออกแบบจาก Product Design Development Workshop โดย ผศ.ดร.อโนทัย ชลชาติภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งทอจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การแสดงผลงานการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นในโครงการ Asia Fashion Federation (AFF) นำเสนอแฟชั่นโชว์ของนักออกแบบชื่อดังจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไทย สิงค์โปร์ และเวียด นามนิทรรศการแสดงผลงานสินค้าที่ได้รับการพัฒนาจากศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่น Fashion Product Development Center (FPDC) การจัดแสดงผ้าผืนจากโครงการ Japan – Thailand Textile and Apparel Collaboration (JTC ) สำหรับจำหน่ายในตลาดญี่ปุ่น ตลอดจนการแสดงแฟชั่นโชว์ “อีโคแฟชั่น” ซึ่งเป็น เทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังมีไฮไลท์ใหม่ในปีนี้ ได้แก่ นิทรรศการแสดงสินค้าแฟชั่นสำหรับผู้สูงอายุ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าและสินค้าต่างๆ การจัดสัมมนาเรื่องเทรนด์สินค้าเครื่องหนังปี 2014/15 โดยผู้เชี่ยวชาญจากอิตาลี และที่สำคัญยังมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ค้นหาและสร้างเครือข่ายการค้ากับผู้ซื้อทั้งในอาเซียนและอาเซียนพลัส โดยมีผู้ประกอบการกว่า 30 รายที่ยินดีรับคำสั่งซื้อแบบ Small Lot Order คือสั่งซื้อในปริมาณน้อย แต่ได้ดีไซน์หลากหลาย ได้คุณภาพตามความต้องการ ซึ่งภายในงานจะมีคูหาของผู้ประกอบการที่ติด โลโก้ SOOK (Small Order OK)
“BIFF & BIL” ยังเป็นงานแสดงสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังที่ได้รับการยอมรับว่ามีความยิ่งใหญ่และ ครบครันที่สุดในอาเซียน ถึงแม้ว่าปีนี้เราจะจัดงานท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนก็ตาม จากการลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าผู้ซื้อในต่างประเทศยังมั่นใจต่อการซื้อสินค้าไทยและยืนยันตอบรับเดินทางมาร่วมเจรจาธุรกิจกว่า 800 ราย ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียน เอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงผู้ซื้อในต่างจังหวัดของไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ซื้อสนใจเข้าชมงานตลอด 5 วัน กว่า 30,000 ราย สร้างยอดขายกว่า 1,200 ล้านบาท” นางนันทวัลย์กล่าว
