บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M7 ชูผลตอบแทน 3.00%ต่อปี

0
287
image_pdfimage_printPrint

บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M7(KFFIF6M7) อายุประมาณ 6 เดือน  เสนอขายระหว่างวันที่  8 – 14 ต.ค. 56 ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท  จ่ายผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี

 k.ฉัตรพี

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด  (บลจ.กรุงศรี)เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ6M7(KFFIF6M7) อายุประมาณ 6 เดือน        มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  เช่น  เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน , สาขามาเก๊า) )  สัดส่วนการลงทุน 24%   เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)  สัดส่วนการลงทุน 20%   ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Itau Unibanco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 24%  ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Santander Brasil S.A. (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 24%  และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco do Brasil S.A. (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 8%  ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.00 %     ต่อปี  และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน   เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”

“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M7(KFFIF6M7) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก            และสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”

“ในส่วนของภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนรอดูสัญญาณอื่นๆเพิ่มเติม   ทั้งนี้ รัฐสภาสหรัฐฯ ยังไม่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณ ส่งผลให้หน่วยงานด้านบริการของภาครัฐที่ไม่มีความจำเป็นและต้องพึ่งการเบิกจ่ายของภาครัฐต้องหยุดให้บริการ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศในรอบสัปดาห์ ได้แก่   ดัชนีภาคการผลิตเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.5 จุด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด แต่ดัชนีภาคบริการลดลง 4.2 จุด  และมีจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 1,000 ราย  และการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเดือนกันยายนถูกเลื่อนออกไปโดยเป็นผลจากการปิดบริการของภาครัฐ   ทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดย PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน  อัตราการว่างงานของยูโรโซนอยู่ที่ร้อยละ 12.0 ในเดือนสิงหาคม  และธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 0.5  ทางด้านเอเชีย PMI ภาคบริการของจีนเพิ่มขึ้นสู่ 55.4 จาก 53.9 โดยได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว  ทางด้านญี่ปุ่น รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีเพื่อการบริโภคจากร้อยละ 5 สู่ร้อยละ 8 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยรัฐบาลได้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 5 ล้านล้านเยนเพื่อป้องกันผลกระทบจากภาษีการค้าที่สูงขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึงการสนับสนุนให้มีการขึ้นค่าจ้าง สนับสนุนการลงทุนของผู้ประกอบการ และกิจกรรมของภาคที่อยู่อาศัย  นอกจากนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ได้เพิ่มอันดับเครดิตของฟิลิปปินส์สู่ Baa3 และให้มุมมองมีเสถียรภาพ เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี และฐานะการคลังปรับตัวดีขึ้น”

“ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศนั้น เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีลักษณะแบนราบลง โดยที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวลดลงร้อยละ 0.02 – 0.06 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นทรงตัวถึงปรับขึ้นร้อยละ 0.01   ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงจากเดิมคาดขยายตัวร้อยละ 4.5 สู่ขยายตัวร้อยละ 3.5 – 4 เนื่องจากคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.8 เทียบกับคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งเป้าการขยายตัวที่ร้อยละ 4  ทั้งนี้ สศค.คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวร้อยละ 2 ในไตรมาส 3 และ 4 เนื่องจากมีสัญญาณการส่งออกปรับตัวดีขึ้นในเดือนสิงหาคมและสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น  ทางด้าน ธปท.ก็ระบุว่ามีแผนที่จะปรับลดคาดการณ์จีดีพีลงจากคาดการณ์ปัจจุบันที่ร้อยละ 4.2 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 16 ตุลาคมนี้  สำหรับอัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.42 จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.26 จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด   ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.61 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอตัวลงจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.75 ในเดือนก่อนหน้า”  นายฉัตรพี  กล่าว

นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com  หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนเอกสารที่เกี่ยวกับกองทุนได้ที่เว็บไซต์บริษัทจัดการ หรือที่บริษัทจัดการและสำนักงานของผู้สนับสนุนการขายก่อนตัดสินใจลงทุน