ไฮเออร์ปั้นรายได้ครึ่งปีแรกตัวเลขโตกว่า 40% จากปีก่อน รุกตลาดพรีเมียม คาดดันตัวเลขปลายปีโตตามเป้า

0
912
image_pdfimage_printPrint

ไฮเออร์ เดินเกมส์รุกครึ่งปีแรกโตเกินเป้ามูลค่า 2,593 ล้านบาท เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมเดินเกมส์ต่อเนื่องมุ่งขยายฐานลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มไฮเอนด์ ส่งสินค้ารุ่นใหม่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคนำทัพด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ คาดสิ้นปีตัวเลขโตตามเป้ากว่า 50% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท

มร. จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไฮเออร์ มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 40% หรือประมาณ 2,593 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลให้สินค้ากลุ่มทำความเย็นมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น อาทิ เครื่องปรับอากาศมีรายได้ประมาณ 1,544 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50% ตู้เย็นมีรายได้ประมาณ 434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เครื่องซักผ้ามีรายได้ 323 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 38% รวมถึงตู้แช่มีรายได้ 209 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19% และสินค้าชนิดอื่น ๆ มีรายได้กว่า 84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน

ด้วยปัจจุบันการแข่งขันทางการตลาดที่สูง ทำให้ผู้ผลิตมีการพัฒนาสินค้าต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด สำหรับในครึ่งปีหลังไฮเออร์ยังคงขยายฐานลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น โดยสินค้าที่จะออกสู่ตลาดจะมีความหลากหลายได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้แช่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ โทรทัศน์ เครื่องน้ำอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว อาทิ หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า และเตาแก๊ส ด้วยการชูจุดขายด้านคุณภาพ ดีไซน์ และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยซึ่งจะเป็นจุดแข็งของสินค้าไฮเออร์ ที่จะวางจำหน่ายต่อจากนี้ไป

สำหรับสินค้าเรือธงของไฮเออร์ ที่จะทำการวางจำหน่ายล่าสุดได้แก่ผลิตภัณฑ์ตู้เย็นซีรีย์ Navi Cooling Plus ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตู้เย็นยุคใหม่ของตลาดประเทศไทย 3rd Generation หรือ GEN3 ซึ่งเป็นตู้เย็นที่ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ดีที่สุดและเพื่อให้ตู้เย็นไฮเออร์ GEN3 เป็นมาตรฐานที่ตู้เย็นยุคใหม่ต้องมี ซึ่งเมื่อปีที่แล้วตู้เย็นซีรีย์ Navi Cooling รุ่นเดิมได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดีเยี่ยม จึงได้เกิดการต่อยอดเป็น Navi Cooling Plus ขึ้นซึ่งมีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ เรียบหรู มาพร้อม Smart Temp Control ควบคุมอุณหภูมิได้ง่าย ๆ ตามความต้องการด้วยหน้าจอระบบสัมผัส และนอกจากเทคโนโลยีช่องแช่แข็งอัจฉริยะที่เปลี่ยนโหมดได้ 5 โหมดดั่งใจที่มีใน Navi Cooling รุ่นเดิมแล้ว ยังเพิ่มเติมด้วยช่องพิเศษ 3rd space ที่ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -18 ถึง 5 องศาเซลเซียส ใช้งานได้หลายหลายตามความต้องการไม่ว่าจะเป็น ช่วงอุณหภูมิ -7 องศา ซึ่งสามารถเป็นช่องแช่ Soft Frozen เหมาะสำหรับแช่ปลา หรือเนื้อสดต่าง ๆ ซึ่งจะคงคุณค่าของอาหารได้ยาวนานแต่ไม่ทำให้สูญเสียรสชาติและเนื้อสัมผัส หรือจะทำเครื่องดื่มเกล็ดหิมะง่าย ๆ ที่อุณหภูมิประมาณ -10 องศาและเรากล้ารับประกันว่าแช่แล้วขวดไม่แตกเพราะตู้เย็นของเราควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ดีเยี่ยม และตู้เย็นรุ่นนี้ยังใช้เทคโนโลยี 3 Room Separate ที่ทั้งช่องแช่แข็ง ช่องแช่เย็น และช่องพิเศษ Magic Room นั้นทำงานแยกกันอย่างอิสระ ปรับเปลี่ยนได้ตามพฤติกรรมการใช้งานที่แตกต่าง

สำหรับในปีนี้นอกจากจะเน้นทำตลาดแบบครบวงจร ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั้งในรูปแบบของทีวีซี โซเซียลเน็ตเวิร์ค การจัดกิจกรรม CSR การจัดดิสเพลย์โปรโมชั่นและกิจกรรมโรดโชว์ตามจังหวัดต่าง ๆ แล้วเรายังเพิ่มช่องทางการตลาดใหม่ ๆ อย่างธุรกิจร้านซักผ้าอัจฉริยะ 24 ชม. Smart Plus by Haier และ Haier Brand Shop ที่นอกจากจะจัดแสดงและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเพื่อเป็น Experience Center ให้ลูกค้าได้เข้ามาทดลองสัมผัสผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของเราอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายในปีนี้จะมีรายได้รวมตั้งอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้า โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ ที่ตลาดยังมีแนวโน้มขยายตัวอีกมาก มร.จาง เจิ้งฮุ้ย กล่าว

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทไฮเออร์
ไฮเออร์ เป็นผู้ผลิตและผู้นำรายใหญ่ในด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยของโลก โดยมีพันธกิจในการสร้างสรรค์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ไฮเออร์ครองแชมป์แบรนด์เครื่องใช้ภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 10 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2561 โดยการจัดอันดับของสถานบันยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยข้อมูลทางการตลาดที่น่าเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไฮเออร์มีรายได้ 36.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีผลกำไร 4.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ.2560 และปัจจุบันไฮเออร์ มีศูนย์วิจัยและพัฒนา 10 แห่ง นิคมอุตสาหกรรม 24 แห่ง โรงงาน 108 แห่ง และบริษัทขาย 66 แห่งกระจายอยู่ทั่วโลก และรางวัลการันตีต่าง ๆ อีกมากมายจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก อาทิ Boston Consulting Group ได้จัดอันดับให้ไฮเออร์เป็น 1 ใน 10 บริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำหน้ามากที่สุดในโลก ในปี 2558 มร.จาง รุ่ยหมิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไฮเออร์ ได้รับยกย่องจาก Fortune นิตยสารด้านธุรกิจยักษ์ใหญ่ให้เป็นหนึ่งในสุดยอดซีอีโอของโลก ประจำปี 2560 และไฮเออร์ยังเป็น 1 ใน 50 แบรนด์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ปี 2561 จัดอันดับโดย World Brand Lab อีกด้วย

บริษัท ไฮเออร์ อิเล็กทรอนิกส์ กรุ๊ป จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัทไฮเออร์ เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HK: 1169) ส่วนบริษัท Qingdao Haier ในเครือกลุ่มบริษัทไฮเออร์ เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SHA: 600690)

กลุ่มบริษัทไฮเออร์ เข้ามาศึกษาตลาดในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2545 ต่อมาปี พ.ศ. 2550 ไฮเออร์ได้ซื้อกิจการ โรงงานของบริษัท ซันโย ยูนิเวอร์แซล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไฮเออร์ อีเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมตั้งบริษัทขายของตัวเอง คือ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งผลให้ไฮเออร์มีฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฐานการผลิต และบริษัทขายเป็นของตัวเองในประเทศไทยตามกลยุทธ์ 3 in 1 Localization ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ไฮเออร์ที่วางจำหน่ายในไทยได้แก่ ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว