1

Victoria Dockside สร้างมาตรฐานใหม่ของอาคารสำนักงาน ด้วยสถิติค่าเช่าสูงสุดในเกาลูน

คุณเอเดรียน เฉิง สร้างความตื่นตาตื่นใจระลอกแรก ณ ย่านแห่งศิลปะและการออกแบบกินพื้นที่ 3 ล้านตารางฟุต

หลังจากเปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา “Victoria Dockside” ย่านแห่งศิลปะและการออกแบบระดับโลกมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) กินพื้นที่ 3 ล้านตารางฟุตริมอ่าววิคตอเรียอันโด่งดังของฮ่องกง ก็ได้สร้างสถิติค่าเช่าสำนักงานสูงที่สุดในย่านจิมซาจุ่ย โดยผู้เช่ารายใหม่ 2 รายของอาคาร K11 Atelier ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Victoria Dockside ได้ตกลงเช่าพื้นที่สำนักงานกว่า 10,000 ตารางฟุต ในราคา 120 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตารางฟุต ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในย่านจิมซาจุ่ยและทั่วทั้งเกาลูน

Victoria Dockside สร้างสรรค์ขึ้นโดยคุณเอเดรียน เฉิง ผู้ก่อตั้งห้าง K11 ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของบริษัท New World Development โดยเป็นโครงการฟื้นฟูที่ดินที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง และกำลังเข้ามากำหนดมาตรฐานใหม่ทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อมสำนักงาน กิจกรรมทางวัฒนธรรม ศิลปะ และการออกแบบ เพื่อดึงดูดคนทำงานรุ่นใหม่ๆ ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และคนยุคมิลเลนเนียลจากทั่วโลกมายังที่แห่งนี้ และเมื่อเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในปี 2019 Victoria Dockside ก็จะก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกแห่งใหม่ ที่จะยกระดับความเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของฮ่องกงขึ้นไปอีกขั้น

คุณเอเดรียน เฉิง ได้เปิดตัวโครงการ Victoria Dockside เฟสแรกไปเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีผู้ทรงอิทธิพลและแขกผู้มีเกียรติทั้งจากฮ่องกงและทั่วโลกร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 1,000 คน ทั้งจากแวดวงศิลปะ สื่อสายครีเอทีฟ และวงการไลฟ์สไตล์ ในงานเลี้ยง “Make Waves” ณ อาคาร K11 Atelier ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแห่งแรกภายใต้แบรนด์ K11 อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่าน Victoria Dockside โดยเป็นอาคารสำนักงานแห่งแรกที่หลอมรวมศิลปะ ผู้คน และธรรมชาติไว้ในที่เดียว นอกจากนั้นยังกำหนดนิยามใหม่ของพื้นที่ทำงานยุคโมเดิร์นด้วยแนวคิด Vertical Creative City ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมสำนักงานที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทำงานรุ่นใหม่ๆ

งานเลี้ยงธีม “Make Waves” บอกใบ้ถึงสิ่งใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นใน Victoria Dockside โดยแขกที่เข้าร่วมงานต่างตื่นตาตื่นใจไปกับนิทรรศการ “Make Waves” ที่แสดงให้เห็นวิวัฒนาการของย่านแห่งนี้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1845 จนถึงปัจจุบัน

คืนชีวิตให้ริมฝั่งน้ำย่านจิมซาจุ่ยอันโด่งดัง

ย่านจิมซาจุ่ยมีบทบาทสำคัญตั้งแต่ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อครั้งที่ยังใช้ชื่อว่า Holt’s Wharf โดยทำให้ฮ่องกงกลายเป็นท่าเรือที่คึกคักที่สุดในโลก ตลอดจนได้รับการขนานนามว่าเป็นประตูสู่โลกตะวันออก และหลังจากที่ได้มีการเปิดตัว New World Centre ในปี 1978 ย่านนี้ก็กลายเป็นศูนย์รวมแบรนด์ดังจากทั่วโลก และปรากฏการณ์มากมายในฮ่องกงก็เกิดขึ้นที่นี่ จากนั้นอีก 40 ปีต่อมา New World Development ก็ได้สร้างสรรค์ Victoria Dockside ให้มาเป็นคลื่นลูกใหม่แห่งการออกแบบ ศิลปะ วัฒนธรรม และความยั่งยืน เพื่อทำลายขีดจำกัดเดิมๆอีกครั้ง และเปิดมิติใหม่ให้กับโลกใบนี้

คุณเฉิง ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ Victoria Dockside มูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างคลื่นลูกใหม่ในจุดหมายปลายทางระดับเวิลด์คลาสแห่งนี้ ด้วยการเปิดโอกาสให้ศิลปิน นักออกแบบ และผู้ประกอบธุรกิจ ได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ และช่วยกันสร้างย่านใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด”

“Victoria Dockside จะช่วยผลักดันฮ่องกงให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยการมอบประสบการณ์หลากหลายแง่มุม โดยมีฉากหลังเป็นวิวที่น่าประทับใจที่สุดจุดหนึ่งของโลก ย่านใหม่นี้จะเปิดพื้นที่ให้ชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้หลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน ย่านนี้จะกลับมาเป็นแลนด์มาร์คของฮ่องกงอีกครั้ง โดยจะดึงดูดสิ่งใหม่ๆและปรากฏการณ์ใหม่ๆมาสู่ฮ่องกง”

#MakeWaves ด้านการออกแบบ

โปรเจคใหญ่อย่าง Victoria Dockside ใช้เวลา 10 ปีในการพัฒนา นำโดยคุณเฉิงและสร้างสรรค์โดยบริษัทสถาปนิกชื่อดัง รวมถึงนักออกแบบและที่ปรึกษาอีกกว่า 100 คนจากทั่วโลก อาทิ Kohn Pedersen Fox (KPF) และ James Corner Field Operations (JCFO) บริษัทภูมิสถาปัตยกรรมชื่อดัง สำหรับอาคารสำนักงานแบบผสมผสาน K11 Atelier ได้รับการตกแต่งภายในโดย Simplicity สตูดิโอออกแบบจากญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงในการสร้างสรรค์ผลงานแนวมินิมอล และพื้นที่อเนกประสงค์ที่ยึดคนเป็นศูนย์กลาง

#MakeWaves ด้านศิลปะและวัฒนธรรม

Salisbury Garden และ Avenue of Stars ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะในบริเวณ Victoria Dockside จะได้รับการปรับปรุงก่อนเปิดต้อนรับประชาชนและนักท่องเที่ยวอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 พื้นที่นี้ได้รับการออกแบบใหม่โดยเจมส์ คอร์เนอร์ ภูมิสถาปนิกผู้ออกแบบสวนสาธารณะ Highline ในนิวยอร์ก โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทสถาปนิกในฮ่องกง ได้แก่ LAAB, One Bite Design Studio, Urbis Limited และ Ronald Lu & Partners เพื่อให้เป็นพื้นที่โชว์ผลงานศิลปะ การแสดง คอนเสิร์ตกลางแจ้ง และทำกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่นๆ เช่น การจัดฉายภาพยนตร์ นอกจากนี้ ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังสามารถชมการแสดงดอกไม้ไฟเหนืออ่าววิคตอเรียได้อย่างเต็มตาจากที่นี่ด้วย

#MakeWaves ด้านสถานที่ทำงาน

K11 Atelier คืออาคารสำนักงานเกรดเอแห่งแรกภายใต้แบรนด์ K11 ที่จะมีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมภายในอาคารเพื่อให้เข้าถึงคนทำงานรุ่นใหม่ๆ โดย K11 Atelier ได้โค่น ICC และก้าวขึ้นเป็นอาคารสำนักงานที่แพงที่สุด ด้วยค่าเช่าสำนักงานราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 120 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตารางฟุต เทียบชั้นอาคารดังๆในย่านธุรกิจเก่าแก่อย่าง CBD Central ขณะเดียวกัน กิจกรรมทางวัฒนธรรมภายในอาคาร และการออกแบบตัวอาคารอันเป็นเอกลักษณ์ ยังทำให้อาคารแห่งนี้โดดเด่นแตกต่างจากอาคารสำนักงานเกรดเออื่นๆในฮ่องกง นอกจากนี้ ห้องโถงหลักของ K11 Atelier ยังกว้างขวางกว่าที่อื่นถึงสองเท่า โดยมีร้านกาแฟและพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจที่รายล้อมด้วยสีเขียวของธรรมชาติ เหมาะให้ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนและสร้างแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ ผู้เช่าสำนักงานในอาคาร K11 Atelier จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมของ “K11 Atelier Academy” ที่จะเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตลอดจนส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ความสำเร็จ วัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานเป็นทีม

#MakeWaves ด้านความยั่งยืน

คุณเฉิงได้บุกเบิกวิสัยทัศน์ “New World Sustainability Vision 2030” โดยอิงจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เขาได้กำกับดูแลการทำธุรกิจให้เน้นถึงประโยชน์ของ “Green” “Wellness” “Smart” และ “Caring” ในทุกๆโครงการ ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ได้กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ณ Victoria Dockside

อาคาร K11 Atelier ได้รับ 2 ใบรับรองอาคารสีเขียวระดับสูงสุด อีกทั้งยังมีความเข้มข้นของการใช้พลังงานต่ำกว่าอาคารสำนักงานทั่วไปในฮ่องกงถึง 1.5 เท่า นอกจากนี้ ด้านหน้าของตัวอาคารยังติดตั้งระบบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าเพียงพอสำหรับเครื่องทำกาแฟราว 220 เครื่อง

ย่าน Victoria Dockside จะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในปี 2019 โดยจะมีการประกาศความคืบหน้าเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายนนี้ นอกเหนือจากอาคารสำนักงานแล้ว ภายในพื้นที่ยังมีโรงแรมสุดหรู Rosewood Hotel และ Rosewood Residences ด้วย Victoria Dockside จะคืนชีวิตชีวาให้กับอ่าววิคตอเรีย และจะเป็นย่านใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดทั้งสำหรับชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยว 60 ล้านคนที่มาเยือนฮ่องกงในแต่ละปี

เกี่ยวกับ New World Development Company Limited

New World Development Company Limited (รหัสหุ้นในตลาดฮ่องกง: 00017) ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 1972 โดยเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีฮั่งเส็ง กลุ่มบริษัท New World Group ยึดหลักปรัชญา Artisanal Movement และทำธุรกิจหลักหลายอย่าง ได้แก่ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานและบริการที่เกี่ยวข้อง การค้าปลีก โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ โดยมีสินทรัพย์รวมมูลค่า 4.681 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2017 ทั้งนี้ ทางกลุ่มบริษัทถือหุ้นราว 61% ใน NWS Holdings Limited (รหัสหุ้นในตลาดฮ่องกง: 00659) และถือหุ้นราว 75% ใน New World Department Store China Limited (รหัสหุ้นในตลาดฮ่องกง: 00825) อีกทั้งยังเป็นเจ้าของ New World China Land Limited ด้วย

Victoria Dockside
เว็บไซต์ทางการ: www.victoriadockside.com

K11 Atelier
เว็บไซต์ทางการ: https://www.k11atelier.com/

ดาวน์โหลดภาพความคมชัดสูงได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/bcq5d6g8ssdvivw/AADgeDua9ihy-NtB8yg2r1ipa?dl=0

โซเชียลมีเดีย

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง
– อินสตาแกรมของคุณเอเดรียน เฉิง (@ac_kaf)
– เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของ Victoria Dockside (@VictoriaDockside)
– เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของ K11 Atelier (@K11Atelier)

หรือติดตามแฮชแท็ก
– #VictoriaDockside
– #MakeWaves

รูปภาพ – https://photos.prnasia.com/prnh/20180510/2130130-1
คำบรรยายภาพ – Victoria Dockside จะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในปี 2019