1

เอสจีเอส ประเทศไทย อาสาทำดีเพื่อน้อง ระดมพลังพนักงานจิตอาสา ลงแรง ด้วยใจ ให้น้องๆ ในจังหวัดสตูล “เพื่อชีวิต…ที่ดียิ่งกว่า”

เอสจีเอส ประเทศไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ การทดสอบ และการรับรองระบบ
ในฐานะองค์กรชั้นนำของโลกที่มีอายุยาวนานกว่า
100
ปี และดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมากว่า
60
ปีเดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม
“เอสจีเอส
อาสาทำดีเพื่อน้อง”
นำพนักงานจิตอาสา กว่า 40 คนลงพื้นที่ชุมชนสร้างห้องสมุด สนามเด็กเล่น
และปรับปรุงซ่อมแซมระบบไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ในจังหวัดสตูล
หวังเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานให้แก่เยาวชนและชุมชน

นายจิโรจ ณ นคร กรรมการผู้จัดการ
บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย)
จำกัด กล่าวว่า เอสจีเอส ประเทศไทย
เป็นบริษัทที่มีการพัฒนาและเติบโตตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
และเราไม่ลืมที่จะร่วมพัฒนาและสร้างสรรค์สังคมและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ
“เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง” ซึ่งกิจกรรมจิตอาสา
ส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรมีจิตสาธารณะ คิดดี ทำดี
รู้จักแบ่งปันเพื่อประโยชน์แก่สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
ตระหนักถึงคุณค่าและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง นอกจากนี้ยังเกิดทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นทีม
ซึ่งจะทำให้เกิดความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

“สำหรับโครงการ
“เอสจีเอส
อาสาทำดีเพื่อน้อง” ในครั้งนี้ เอสจีเอส ประเทศไทย มีความตั้งใจให้พนักงานจิตอาสามีส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมพร้อมไปกับช่วยเหลือชุมชน
ซึ่งได้จัดกิจกรรมโดยมีตัวแทนพนักงานจิตอาสา เอสจีเอส ประเทศไทย กว่า 40 คนได้ร่วมกันส่งมอบโครงการปรับปรุงอาคารผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
ให้แก่โรงเรียนบ้านเกาะบูโหลนดอน พร้อมกับสร้างและมอบห้องสมุด ร่วมกับการบูรณะสนามเด็กเล่น
ให้แก่โรงเรียนบ้านตันหยงละไน้ อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื่องจากทางโครงการได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสังคมที่ดีย่อมเกิดจาก
สิ่งแวดล้อมที่ดี ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ 
และชุมชนที่น่าอยู่และปลอดภัยโดยกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ ครั้งนี้
ดำเนินการภายใต้แนวคิดหลักที่ว่า ส่งเสริมการศึกษาอย่างต่อเนื่องควบคู่การพัฒนาชุมชน”
นายจิโรจ กล่าว

ด้านนายจิตรกร หมีนสัน ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านเกาะบูโหลน(ดอน)
เปิดเผยว่า “รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ ผู้บริหารเอสจีเอสประเทศไทยและพนักงานจิตอาสาทุกคนมาทำกิจกรรม
“เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง” โดยได้มาปรับภูมิทัศน์ ทาสีและปรับปรุงซ่อมแซมอาคารผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องของการศึกษาของโรงเรียนแห่งนี้ เพราะในพื้นที่เองไม่มีไฟฟ้าใช้
โดยโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เกาะ พื้นที่ชายขอบ ซึ่งถ้าโรงเรียนมีไฟฟ้าใช้ต่อไปการศึกษาที่นี่คงจะดีขึ้น
เพราะในเรื่องของการศึกษาถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันทั้งในส่วนของภาครัฐ
ภาคเอกชน ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีของบริษัทสำหรับกิจกรรมในวันนี้นับว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อโรงเรียนบ้านเกาะบูโหลนเป็นอย่างมาก
เด็กนักเรียนจะได้ใช้สื่อที่ทันสมัย และมีอินเตอร์เนตใช้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า
และเป็นขวัญกำลังใจสำหรับครูที่มาทำงานบนเกาะแห่งนี้ ผมในฐานะตัวแทนต้องขอขอบคุณพนักงานที่มาทำกิจกรรม
“เอสจีเอส อาสาทำดีเพื่อน้อง”
ในครั้งนี้”

นายอับดุลอาซีร์ ยาหมาย ผู้อำนวยการ โรงเรียนตันหยงละไน้ กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรม “เอสจีเอส
อาสาทำดีเพื่อน้อง” ในครั้งนี้
ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ ที่ให้โอกาสกับโรงเรียนตันหยงละไน้ ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ
บนเกาะเล็กๆ ในจังหวัดสตูล ซึ่งพอได้งบจากกิจกรรมในครั้งนี้มาก็รู้สึกดีใจมากๆ
โดยผมและชุมชนได้มาประชุมและปรึกษากันว่าจะนำงบในครั้งนี้มาทำอะไรให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กๆและชุมชน
จนกระทั่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะทำสนามเด็กเล่น
และแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆนั้นก็คือห้องสมุด และถ้าอาคารนี้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว
น่าจะเป็นแหล่งต่อยอดศึกษาหาความรู้
ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะนักเรียนภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่เป็นแหล่งต่อยอดของชุมชนด้วยเช่นกัน
ในส่วนของพื้นที่สนามเด็กเล่น ซึ่งเป็นแหล่งที่ทุกคนเข้าถึง”

เด็กหญิงลลิตา อุสมา (น้องจ้า) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เปิดเผยความรู้สึกว่า “รู้สึกดีใจ และขอขอบคุณที่พี่ๆ
มาสร้างห้องสมุดห้องแรกของโรงเรียนและสนามเด็กเล่นให้ในครั้งนี้  โดยแต่ก่อนบริเวณนี้จะเป็นสนามเด็กเล่นที่ไม่มีหลังคา
ยิ่งอากาศร้อนบริเวณนี้จะร้อนมาก และพื้นเป็นดิน ถ้าวันไหนฝนตก
พื้นก็จะเป็นโคลนและไม่สามารถมาใช้สนามแห่งนี้ได้
ในส่วนของห้องสมุดซึ่งแต่ก่อนเรามีแค่ห้องเก็บหนังสือที่กั้นจากห้องน้องๆ ชั้นประถมต้น
แต่พอพี่ๆ มาสร้างห้องสมุดในครั้งนี้หนูและเพื่อนๆ น้องๆ
จะได้มีห้องสมุดไว้อ่านหนังสือต่างๆ เพื่อหาความรู้ในเวลาพักเที่ยงแล้วค่ะ”

เด็กชายปฏินันท์ ศรีพุฒ (น้องธันวา) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เปิดเผยความรู้สึกว่า “ผมและเพื่อนๆ รู้สึกดีใจที่ต่อไปนี้จะมีห้องสมุดไว้อ่านหนังสือเพื่อหาความรู้
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สารคดีสัตว์ดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์ที่ผมชอบเป็นพิเศษ
สำหรับสนามเด็กเล่นผมจะชวนเพื่อนๆ มาเตะฟุตบอลหลังจากเลิกเรียนในช่วงตอนเย็นครับ
และผมสัญญากับพี่ๆ ทุกคนว่า ผมและเพื่อนๆ โรงเรียนตันหยงละไน้จะดูแลรักษาทั้งห้องสมุดและสนามเด็กเล่นให้เป็นอย่างดีครับ”

นางสาวปานไพลิน ชูชาร์ลี (น้องฟ้า) พนักงานจิตอาสา เอสจีเอส ประเทศไทย
ผู้เขียนเสนอการทำกิจกรรมในครั้งนี้
เปิดเผยความรู้สึกว่า
“ฟ้าได้มีโอกาสไปร่วมทำกิจกรรม CSR กับบริษัทที่จังหวัดนครพนมซึ่งมีระยะทางในการเดินทางไกลพอกันกับจังหวัดสตูล
และเมื่อบริษัทฯได้ให้โอกาสพนักงานส่งการทำกิจกรรม CSR ในครั้งนี้
ฟ้าจึงเขียนเสนอที่จังหวัดสตูลซึ่งเป็นบ้านเกิดของฟ้า และด้วยทางบริษัทไม่ได้คำนึงถึงสถานที่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล
แต่เขาน่าจะคัดเลือกจากการขัดสน หรือ ขาดแคลน จริงๆ ก็เลยเสนอเข้าไปดู ทางคณะกรรมการก็เลยคัดเลือกมา
2 โรงเรียนได้แก่ โรงเรียนบ้านเกาะบูโหลน(ดอน) ซึ่งอาคารผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
ที่โรงเรียนใช้ไม่ได้เลย คุณครูมีแค่เครื่องปั่นไฟเก่าๆ เพียง 2 ตัว  ซึ่งคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง และพัดลมเพดานก็ใช้ไม่ได้เพราะไม่มีไฟฟ้า
ยิ่งถ้าอากาศร้อน เด็กๆ ก็จะร้อนมากเพราะไม่มีพัดลม ยิ่งเรามารู้สาเหตุที่แผงโซลาร์เซลล์มันพังเพราะอะไร  พอเรามาซ่อม ก็กลัวว่าจะพังเหมือนเดิมอีกมั้ย
เราเลยให้ซัพพลายเออร์ตั้งค่าไว้ 
หน่วงไว้ไม่ให้เกิดเครื่อง error ก็รู้สึกว่ามันยั่งยืนกว่าเดิมพร้อมการปรับภูมิทัศน์อาคารให้ดูสวยงาม”

สำหรับโรงเรียนตันหยงละไน้ เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลนสนามเด็กเล่น
และแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆนั้นก็คือห้องสมุด โดยกิจกรรมในครั้งนี้
คนที่ไปร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจไปทำงาน
ช่วยกันทำให้สำเร็จลุล่วงตามแผนที่เราวางไว้ 
และทุกคนก็จะเห็นสิ่งที่พวกเด็กๆ 
ได้ เขาได้อะไรบ้าง เขาก็จะรู้สึกดี มันก็เหนื่อย  แต่เหนื่อยก็หาย พอเห็นว่าต่อไปเด็กๆ
จะมีสนามเด็กเล่นที่มีหลังคา มีห้องสมุดไว้หาความรู้ ความรู้สึกในขณะที่เราทำกิจกรรมทั้ง
2 โรงเรียน ฟ้าและพี่ๆ เพื่อนๆ
ทุกคนคงมีความรู้สึกเหมือนกันคือ ร้อน เหนื่อย
แต่พอได้ลงมือทำและมีรอยยิ้มของน้องๆ ที่มาช่วย มันทำให้ความรู้สึกเหนื่อย
อากาศที่ร้อนหายไป และกลายเป็นกำลังใจ ดีใจและภูมิใจเข้ามาแทน

นางสาวสุติมา ฤทธิโชติ (น้องเอ๋) หนึ่งในพนักงานจิตอาสา เอสจีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า “รู้สึกดีใจ ที่ได้เป็นตัวแทนของเพื่อนๆ ที่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้เราได้พบความประทับใจ 2
ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นส่วนของการทำงานร่วมกันกับเพื่อนต่างแผนก และต่างสาขา อย่างเช่นเพื่อนพนักงานที่หาดใหญ่
ซึ่งเราไม่รู้จักกันมาก่อน แต่พอเรามาเจอกัน มาทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เรารู้ว่า
กิจกรรมในวันนี้มันสร้างความสามัคคี และก็สร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้น  อีกส่วนหนึ่งคือ ความไม่พร้อมหรือว่าความขาดแคลนของโรงเรียนที่เรายังมองไม่เห็นและยังขาดโอกาส
แต่ว่าครู นักเรียน และชาวบ้านยังสามัคคีกันที่จะขวนขวายหาอะไรให้มันดีเพื่ออนาคตของเด็ก
ๆ สำหรับกิจกรรมในวันนี้ถ้าถามว่าร้อนมั้ย เหนื่อยมั้ย ตอบได้เลยค่ะว่า ร้อนและเหนื่อยมาก
แต่มันก็สนุกและรู้สึกภูมิใจมากกว่า ที่ครั้งหนึ่งเคยผ่านช่วงเวลาในวัยเด็ก
ทำให้เรารู้ว่า เราโชคดีกว่าเด็กหลายๆ คนที่นี่ โรงเรียนที่เราเคยเรียนอยู่มีอุปกรณ์การเรียนครบ
แต่พอมาเห็นน้องๆ ที่ขาดแคลน มันทำให้ความเหนื่อยตรงนั้นมันหายไป
มันกลับกลายเป็นความภูมิใจที่เข้ามาแทนจนทำให้ความเหนื่อย ความร้อน มันจางหายไป”

ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา เอสจีเอส ประเทศไทย
ได้มุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคืนสิ่งดีๆ ให้กับสังคมนั้น
โดยมีกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการศึกษา
และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุมชน เช่น
การปรับปรุงอาคารเรียนให้กับเด็กๆ ชุมชนชาวไทยภูเขา
การสร้างอาคารเรียนให้กับเด็กพิการ การทำสื่อการเรียนการสอนบนถุงผ้า การปลูกป่าชายเลนเพื่อเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำและป้องกันการกัดเซาะชายตลิ่ง
การปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเพิ่มปอดให้กับคนเมือง เป็นต้น
โดยกิจกรรมต่างๆ พนักงานจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิบัติจริง
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันส่งผลให้เกิดความยั่งยืนของธุรกิจ
และขยายวงกว้างสู่สังคม และเราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาสิ่งดีๆ
และเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมต่อไป นายจิโรจ กล่าวสรุปตอนท้าย